ในห้วงเวลาจัดตั้งรัฐบาล ตัวตึงในฝั่งนี้คงต้องยกให้ ‘ผู้พันปุ่น หรือ แด๊ดดี้ปุ่น’ น.ต.ศิธา ทิวารี จากพรรคไทยสร้างไทย ที่เคยเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรค เพราะในช่วงการหาเสียงเลือกตั้ง เขาคือมือดีเบตที่ไม่ว่าไปเวทีไหนก็ได้รับการพูดถึงในโลกออนไลน์อย่างถล่มทลาย เป็นตัวแทนหมู่บ้าน ชนกับตัวแทนจากพรรครวมไทยสร้างชาติ พรรคพลังประชารัฐ และพรรคไทยภักดี ย้ำจุดยืนประชาธิปไตย เสนอไอเดีย “เพื่อไทย-ก้าวไกล-ไทยสร้างไทย-เสรีรวมไทย พรรคฝ่ายประชาธิปไตยต้องรวมเสียงให้เข้มแข็งล้ม ส.ว. 250 เสียง ในช่วงที่ฝ่ายเผด็จการกำลังอ่อนแอ” ซึ่งพูดเรื่องนี้ก่อนที่จะมีการจัดตั้งรัฐบาล และพรรคที่กล่าวถึงเหล่านี้กลายมาเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลจริงๆ
แต่กระแสของเขากลับแรงขึ้นเรื่อยๆ ในช่วงฝุ่นตลบหลังการเลือกตั้ง เขาเดินสายออกสื่อแทบทุกช่อง วิเคราะห์ให้ประเด็นต่างๆ ตั้งแต่การจัดตั้งรัฐบาล ประทะคารมกับ ส.ว. ตัวตึงอย่าง กิตติศักดิ์ รัตนวราหะ เป็นต้น ไปจนถึงพูดประเด็น ม.112 ที่ต้องแก้ไขและทำความเข้าใจกับคนรุ่นใหม่ กลายเป็นจุดยืนของหลายพรรคการเมืองประกาศไม่ขอร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล แม้ว่าสุดท้ายประเด็นนี้จะปล่อยให้เป็นเรื่องการถกเถียงกันในสภาแต่ไม่ได้อยู่ใน MOU ของการจัดตั้งรัฐบาลที่แถลงข่าวไปเมื่อพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม 2566 ก็ตาม
น.ต.ศิธา ทิวารี สืบเชื้อสายมาจากรัชกาลที่ 4 เป็นบุตรของหม่อมราชวงศ์จารุวรรณ ทิวารี (ราชสกุลเดิม วรวรรณ) พระนัดดาของหม่อมเจ้าดุลภากร วรวรรณ พระโอรสในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าวรวรรณากร กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับเจ้าจอมมารดาเขียน
จบการศึกษาจากโรงเรียนเซนต์ดอมินิก โรงเรียนเตรียมทหารรุ่นที่ 24 (ตท.24) ปริญญาตรี วิทยาศาสตรบัณฑิต จากโรงเรียนนายเรืออากาศ และเป็นนักบินเครื่องบินขับไล่ F-16 รุ่นถัดจาก น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ก่อนที่จะชักชวนกับลาออกจากราชการมาทำงานการเมืองกับพรรคไทยรักไทย จนได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. เขตคลองเตยในปี 2544 และ 2548 และเคยดำรงตำแหน่งเป็นโฆษกรัฐบาล ทักษิณ ชินวัตร ได้รับฉายาว่า ‘ผู้พันปุ่น’ ก่อนที่จะถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง 5 ปีจากคดียุบพรรคการเมือง พ.ศ. 2549 หลังรัฐประหาร และผันตัวมาเป็นผู้บริหารบมจ.ท่าอากาศยานไทย (AOT) ที่พลิกโฉมสนามบินสุวรรณภูมิให้ทันสมัย
ปี 2564 น.ต.ศิธา โภคิน พลกุล และคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ลาออกจากพรรคเพื่อไทย มาก่อตั้งพรรคไทยสร้างไทยโดยมีอุดมการณ์สู้เพื่อคนตัวเล็ก ด้วยการ Liberate และ Empower ประชาชน เขาลงสมัครผู้ว่า กทม. เบอร์ 11 ในปี 2565 แม้จะได้คะแนนมาเป็นลำดับที่ 7 แต่ด้วยการวิจารณ์รัฐบาลอย่างตรงไปตรงมาและฝีปากที่เฉียบคม ทำให้ได้รับฉายาว่า ‘แด๊ดดี้ขยี้เผด็จการ หรือแด๊ดดี้ปุ่น’ ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่องจนมีการจัดงานแฟนมีตติ้งดูหนัง Top Gun 2 ร่วมกับแฟนคลับเต็มโรงสยามภาวลัย และเกิดแฟนด้อม ‘แด๊ดดี้ศิธา’ ที่มีสมาชิกในห้องไลน์กว่า 5,000 คน
และในช่วงของการจัดตั้งรัฐบาล คนบนโลกออนไลน์ต่างแสดงความคิดเห็นกันอย่างคับคั่งถึงตำแหน่งของ น.ต.ศิธา ในรัฐบาลพรรคก้าวไกลว่า แม้ไม่ได้รับการเลือกตั้งเป็น ส.ส. บัญชีรายชื่อ เพราะอยู่ลำดับที่ 5 แต่ควรนั่งตำแหน่งใด ไม่ว่าจะเป็น โฆษกรัฐบาล รัฐมนตรีกระทรวง DES เป็นต้น