ที่บ้านกองผักปิ้ง อ.เชียงดาว จ.เชียงใหม่ มีการจัดงานรำลึก 5 ปี วิสามัญฆาตกรรมเยาวชนนักปกป้องสิทธิมนุษยชน จะอุ๊ ชัยภูมิ ป่าแส Daw naw ve aw ve Ve la pi-o (ด้อ น้อ เว อ่อ เวะ เวะ ลา ปิโอ๊) ดอกความคิดถึง จงเบ่งบาน เพื่อเป็นการรำลึกเหตุการณ์ 5 ปี วิสามัญฆาตกรรมเยาวชนนักปกป้องสิทธิมนุษยชน นายชัยภูมิ ป่าแส โดยภายในงานมีกิจกรรมการแสดงดนตรี การเต้นแจโก่ การจัดแสดงนิทรรศการภาพถ่ายและเรื่องราวการต่อสู้ของนายชัยภูมิและกลุ่มด้วยใจรักและการกล่าวคำรำลึกถึงนายชัยภูมิโดยครอบครัวและเพื่อนร่วมงานจากองค์กรต่างๆ ที่เคยร่วมงานกับชัยภูมิ
รัตนาภรณ์ เจือแก้ว จากกลุ่ม ดีจัง Young Team กล่าวว่า ได้พบกับชัยภูมิตั้งแต่เด็กๆ ในการทำงานกลุ่มพื้นที่นี้ดีจัง เนื่องในโอกาสครบรอบ 5 ปีการจากไป ถามว่าอาลัยหรือไม่นั้น เป็นความคิดถึงและอยากขอโทษมากกว่า โดยรู้จักชัยภูมิมากว่า 10 ปี ชัยภูมิเติบโตงดงามเห็นคุณค่าในตนเองและส่งต่อแรงบันดาลใจให้คนอื่นคือชัยภูมิที่เรารู้จัก 1,825 วัน ไม่มีอะไรเหมือนเดิมหลังการตายของชัยภูมิ ไม่ใช่แค่ความสูญเสียของครอบครัว เพื่อน ชาวลาหู่และสังคม แต่คือความสูญเสียของโลก ประเทศนี้ปลิดชีวิตคนหนุ่มที่เป็นกำลังสำคัญของโลกใบนี้
วัชรพล นาคเกษม สมาคมคนรุ่นใหม่กับนวัตกรรมสังคม (SYSI) กล่าวว่า ในฐานะเพื่อนที่ทำงานทางสังคมเหมือนกัน มีเรื่องราวมากมายที่จะพูดถึงชัยภูมิในความหมายของนักสร้างการเปลี่ยนแปลง ถ้าวันนี้ชัยภูมิยังมีลมหายใจอยู่เราคงได้เห็นความสามารถมากมาย เป็นคนุร่นใหม่ที่ต้องการเปลี่ยนแปลงสังคมอย่างแท้จริง ชัยภูมิคือคนทำงานสร้างสรรค์ เป็นศิลปิน เป็นคนที่เรียกได้ว่าเด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาวอย่างแท้จริง แม้ว่าจะผ่านไปแล้ว 5 ปีกับการที่ชัยภูมิไม่ได้อยู่สร้างความฝันให้เป็นจริง แต่ความคิด ความฝัน ความเชื่อของชัยภูมิยังอยู่และถูกส่งต่อ การเคลื่อนไหวคนรุ่นใหม่ในปี 2563 ซึ่งได้เรียกร้องความเท่าเทียมของกลุ่มชาติพันธุ์ ของคนทุกคน เป็นสิ่งที่ชัยภูมิคิด เชื่อ ถูกส่งผ่านไปยังขบวนการทางสังคมกลุ่มอื่นและคนรุ่นใหม่ในสังคมด้วย ซึ่งจะเบ่งบานในหัวใจผู้คนไปอีกนาน
สมชาย ปรีชาศิลปกุล อาจารย์คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ กล่าวว่า ผ่านมา 5 ปี เรื่องที่เกิดขึ้นกับชัยภูมิเป็นเรื่องที่ไม่ควรเกิดขึ้นกับคนหนุ่มสาวที่มุ่งหวังจะเปลี่ยนแปลงสังคมให้ดีขึ้น แต่เมื่อมันเกิดขึ้นตนคิดว่าสิ่งที่พวกเราได้พยายามทำกันมาคือการเรียกร้องให้เกิดการรับผิดที่เกิดขึ้น แม้ว่าคำตัดสินที่เกิดขึ้นในศาลอาจจะดูเหมือนเราพ่ายแพ้ แต่ว่าการที่เราลุกขึ้นเรียกร้องและสู้ ตนคิดว่าทั้งในกระบวนการทางศาลและทางสังคมเป็นเรื่องที่มีความสำคัญมาก เราไม่ได้ปล่อยให้ชัยภูมิต้องจากไปอย่างเงียบงัน แต่เราพยายามจะทำให้เรื่องราวนี้ถูกพูดถึง การต่อสู้ในชั้นศาลประสบความสำเร็จหรือไม่เป็นเรื่องอนาคต แต่เมื่อเราได้ลุกขึ้นพูดถึงเรื่องนี้และบอกว่ามันคือความไม่เป็นธรรม มันคือความอยุติธรรม นี่คือเสียงที่สำคัญ เป็นเสียงที่ร่วมสมัยกับความรู้สึกของคนจำนวนมากในสังคมนี้ ที่เราต้องการเห็นความเท่าเทียมไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ไม่ว่าจะมีเชื้อชาติ ศาสนา ผิว สี อย่างไร