ตรีรัตน์ ศิริจันทโรภาส ผู้อำนวยการกองการสื่อสารพรรคไทยสร้างไทยกล่าวถึงสถานการณ์ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่มีแนวโน้มสูงขึ้นเรื่อย ๆ จนอาจแตะ 150 ดอลลาร์ต่อบาร์เรลว่า พรรคไทยสร้างไทยได้เห็นแนวโน้มการปรับตัวของราคาพลังงานมาตั้งแต่ 4 เดือนที่แล้ว จากอัตราเงินเฟ้อที่สูงขึ้นของแต่ละประเทศ ก่อนจะเกิดสงครามยูเครนกับรัสเซีย ผู้ซึ่งเป็นผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ของโลก จึงได้ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลลดภาษีน้ำมันสรรพสามิตทุกประเภทมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะสามารถลดได้ทันทีถึง 7 บาทต่อลิตร เพื่อช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชนจากสภาวะสินค้าราคาแพงทั้งแผ่นดิน แต่แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์ในฐานะหัวหน้าทีมเศรษฐกิจจะนำข้อมูลดังกล่าวไปพิจารณาเพื่อวางแนวทางแก้ไขหรือรับมือกับสถานการณ์ราคาน้ำมันและพลังงานที่ถึงอย่างไรก็ต้องสูงขึ้น กลับได้แต่ออกมาอบรมสั่งสอนให้ประชาชนใช้น้ำมันอย่างประหยัด หรือรัฐมนตรีบางคนแนะนำให้ประชาชนไปใช้บริการรถสาธารณะ ทั้งที่ประชาชนต้องการรู้ถึงมาตรการแก้ไขวิกฤตน้ำมันที่เป็นรูปธรรมจากรัฐบาลมากกว่าว่าแต่ละกระทรวงจะทำอะไรบ้างในช่วงเวลาใด จะได้ให้ความร่วมมือถูก ไม่ใช่มานั่งฟังเสียงอบรมสั่งสอนจากผู้นำหรือโยนภาระมาให้ชาวบ้านอย่างนี้
“เราขอย้ำว่าหากรัฐบาลยังเพิกเฉยต่อข้อเรียกร้องของพรรคไทยสร้างไทย เรื่องการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันทุกชนิด ประชาชนคนไทยคงจะได้เห็นน้ำมัน 2 ลิตร 100 บาทอย่างแน่นอน ซึ่งจะทำให้ราคาข้าวของกลับมาแพงทั้งแผ่นดินอีกครั้ง หลังจากที่เคยขึ้นราคาครั้งใหญ่ไปในช่วงตรุษจีนมาแล้ว เพียงแต่ครั้งนี้จะไม่ขึ้นราคาเป็นเพียงบางรายการเท่านั้น แต่จะขึ้นราคาแบบยกแผงหรือครบวงจร จนประชาชนทั่วไปไม่สามารถแบกรับภาระได้อีกเพราะต่างอ่อนแอจากวิกฤตโควิดที่ผ่านมา ทำให้หลายธุรกิจต้องล้มตายไป จึงขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งช่วยเหลือประชาชนโดยการลดภาษีสรรพสามิตน้ำมันทุกประเภทลงทันที ลำพังแค่ให้กระทรวงพาณิชย์สั่งตรึงราคาหรือให้มีรถธงฟ้าออกมาวิ่ง ก็คงช่วยไม่ได้แล้วเพราะวิกฤตครั้งนี้ใหญ่โตเกินกว่าจะพึ่งพาระบบราชการแล้ว” ตรีรัตน์กล่าว