'ศุภชัย' ยืนยัน พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ประชาชนจดแจ้งไม่ต้องเสียค่าธรรมเนียมสักบาท อีก 120 วันปลูกได้ ส่วนนายทุน นำไปทำธุรกิจต้องมีค่าใช้จ่าย วอนเลิกบิดเบือนทำสังคมสับสน
เมื่อวันที่ 1 ก.พ. ศุภชัย ใจสมุทร ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) ออกมาเปิดเผยกับเพจ GANJA TV โดยการไลฟ์สด ในเรื่องการปลูกกัญชาในพ.ร.บ. กัญชา กัญชง ที่ทำให้ประชาชนสับสนว่า มีคนวิพากษ์วิจารณ์ต่างๆ นานา ขอยืนยันว่านี่เป็นนโยบายพรรคภูมิใจไทย ที่ต้องการให้พี่น้องประชาชน เกษตรกร ได้ประโยชน์ในการรักษาโรคของตนเอง และเป็นพืชเศรษฐกิจต่อไปในอนาคต กฎหมายฉบับนี้ หลักการ และเหตุผล ประกอบร่างพ.ร.บ.กัญชา กัญชง พ.ศ…. ได้ระบุไว้ชัดเจนว่า
"โดยที่ประมวลกฎหมายยาเสพติด ไม่ได้กำหนดให้กัญชาเป็นยาเสพติดให้โทษ ซึ่งเปิดโอกาสให้มีการนำกัญชา กัญชง มาใช้ประโยชน์ทางการแพทย์ การวิจัย และนำมาใช้ในอุตสาหกรรมอื่น แต่ก็มีข้อจำกัดบางประการ ที่ส่งผลกระทบต่อโอกาส ในการนำไปใช้ในการดูแลสุขภาพ การป้องกัน การบำบัดโรค รักษาผู้ป่วย การศึกษาวิจัย หรือพัฒนานวัตกรรม ฉะนั้นเพื่อให้ประชาชนมีสิทธิในการดูแลสุขภาพตน และ ส่งเสริมให้มีการใช้ประโยชน์ จากกัญชา กัญชง ให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งในด้านการพัฒนาภูมิปัญญาด้านการแพทย์แผนไทย ตลอดจนองค์ความรู้ทางการแพทย์แผนปัจจุบัน และอุตสาหกรรมอื่นๆ จึงควรสนับสนุนกัญชา กัญชง มาใช้ในการศึกษาวิจัย การใช้ประโยชน์ในทางการแพทย์ สุขภาพ การใช้ตามวิถีชีวิตชุมชน ตลอดจน เปิดโอกาสให้มีการผลิต ขาย นำเข้า ส่งออก หรือมีไว้ในครอบครองเพื่อส่งเสริมเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และเศรษฐกิจของประเทศ และเพื่อเป็นการคุ้มครองผู้บริโภค ให้มีการบริโภคกัญชา กัญชงอย่างไม่เหมาะสม ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้บริโภค สมควรกำหนดมาตรการกำกับดูแล ควบคุมการขาย การโฆษณา และการบริโภคกัญชา กัญชง เพื่อคุ้มครองสุขภาพของบุคคล จึงจำเป็นต้องตราพระราชบัญญัตินี้"
ซึ่งหลักการและเหตุผลเห็นได้ว่ากัญชาที่ไม่ได้เป็นยาเสพติดตามประมวลกฎหมายยาเสพติด ปี 2564 นั้น ก็จะต้องทำดำเนินการไปตามร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ฉบับนี้
ศุภชัย กล่าวต่อว่า ในประเด็นเรื่องการปลูกของครัวเรือนให้ดูหมวดที่ 4 การจดแจ้งและรับจดแจ้งการใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชง ในครัวเรือน ในมาตรา 18 ชัดเจนเลยว่า ผู้ใดประสงค์จะเพาะ ปลูก เพื่อใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชงในครัวเรือน ต้องจดแจ้งต่อผู้รับจดแจ้ง และเมื่อผู้รับจดแจ้ง ออกใบรับจดแจ้งแล้ว จึงจะดำเนินการได้ หมายความว่าเพียงไปแจ้งอย่างเดียวก็ปลูกได้ ถามว่า แล้วไปแจ้งกับใครหน่วยไหน ร่าง พ.ร.บ. นี้ได้บัญญัติว่า ผู้รับจดแจ้งหมายความว่า ตามมาตรา 4(1) ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร หรือผู้ซึ่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครมอบหมาย สำหรับจดแจ้ง เพื่อใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชงในครัวเรือน กรุงเทพมหานคร มาตรา 4(2) นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด หรือผู้ซึ่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด มอบหมาย สำหรับการจดแจ้ง เพื่อใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชงในครัวเรือน
ส่วนภูมิภาค การใช้ประโยชน์จากกัญชา กัญชง ในครัวเรือนก็คือ การเพาะ ปลูก เพื่อการบริโภค ส่วนบุคคล เพื่อดูแลรักษาสุขภาพของตนเอง และครอบครัวที่อยู่อาศัยเดียวกัน ทั้งนี้ไม่เกินปริมาณที่กำหนดในกระทรวง ซึ่งในร่างกำหนดชัดเจนหมด
เรื่องสำคัญที่มีคนไปบิดเบือนคือบอกว่า การปลูกต้องจ่ายค่าธรรมเนียม เรื่องนี้ผมขอเรียนว่าไม่มีการกำหนดไว้เลยในกฎหมายว่า ครัวเรือนปลูกแล้วจะต้องมีการจ่ายค่าธรรมเนียม ซึ่งการต้องจ่ายค่าธรรมเนียม มีในกรณีมีการปลูกที่มีการขออนุญาต ซึ่งอยู่ในหมวด 5 ซึ่งเป็นเรื่องธุรกิจ เป็นเรื่องอุตสาหกรรม การพาณิชย์ ผู้ที่ขออนุญาตสกัด ในแปลงธุรกิจขนาดใหญ่ นั่นต้องขออนุญาตซึ่งเป็นคนละส่วนกับกับครัวเรือน นั่นคือค่าธรรมเนียมที่ต้องขออนุญาต อย. ไม่เกี่ยวกับจดแจ้งของพี่น้องประชาชนแต่อย่างใด อย่าดูแค่ 5 บรรทัด 7 บรรทัด แล้วมาตีความ
“สำหรับท่านที่เข้ามาวิพากษ์วิจารณ์ แล้วทำให้สังคมสับสน อย่าทำครับ ผมอยากให้บ้านเมือง เดินหน้า จู่ๆ ก็มากล่าวหาว่า พ.ร.บ.นี้ เอื้อนายทุน มีปัญหานั่นนี่ เราทำเพื่อพี่น้องเกษตรกร ทำเพื่อประชาชน ถ้านายทุนมาทำก็ต้องเคารพกรอบของกฎหมาย วันนี้ประมวลกฎหมายยาเสพติดได้ปลดกัญชาออกจากยาเสพติดตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2564 วันนี้หลังจากออกมาประกาศแล้ว วันนี้เรามาไกลแล้ว ฝ่ายราชการที่เกี่ยวข้องอย่าง ป.ป.ส. หรือ ตำรวจขอปรับตัวในการปฎิบัติหน้าที่จึงขอเวลา 120 วัน ในการทำงาน ยืนยันว่า เรื่องกัญชา รัฐจะควบคุมอย่างเดียวคือสารสกัด ที่มี THC เกิน 0.2 เปอร์เซ็นต์ ส่วนหลัง 120 ไปแล้ว ในครัวเรือนต้องการปลูก ปลูกได้เลยครับ กัญชาเป็นยาเสพติดมาตั้งแต่ ปี 2522 กว่า 40 ปี แล้ว รออีก 4 เดือน หรือ 120 วัน เมืองไทยเราก็จะได้ใช้ประโยชน์จากการกัญชาอย่างแน่นอนครับ" ศุภชัย กล่าว