'เพื่อไทย' ห่วง 'ประยุทธ์' เก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง 100% จะเพิ่มภาระประชาชน ทำเศรษฐกิจยิ่งทรุด ชี้ รัฐบาลคิดเป็นแค่ขึ้นภาษี แจกเงิน และ ซื้ออาวุธ แนะ เศรษฐกิจไม่ดี ต้องลดภาษี ไม่ใช่ขึ้นภาษี หวังมหาเศรษฐีช่วยกันเสียสละ
พชร นริพทะพันธุ์ กรรมการบริหารและคณะทำงานเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลจะเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเต็ม 100% โดยไม่ผ่อนผันกันแล้ว หลังจากที่เก็บ 10% มา 2 ปี แม้จะเป็นประโยชน์ในการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น เพราะท้องถิ่นจะมีรายได้มากขึ้น แต่ในสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ในปัจจุบัน การเก็บภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างมากขึ้นถึง 10 เท่าจากปัจจุบันจะสร้างภาระให้กับประชาชนมากขึ้น ประชาชนจะรับกันไม่ไหว เพราะตอนนี้ประชาชนต้องประสบปัญหากับเศรษฐกิจที่ย่ำแย่มาตลอด 7 ปี และยังมาเจอปัญหา ข้าวของแพง หมูแพง ไก่แพง ไข่ไก่แพง น้ำมันแพง ไฟฟ้าแพง ก๊าซแพง หรือ ที่เรียกกันว่า “แพงทั้งแผ่นดิน” แล้วยังจะมาเจอภาษีแพงอีก คงรับกันไม่ไหวแน่
ในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ จากความล้มเหลวของรัฐบาลในการบริหารประเทศ และรัฐบาลจึงไม่สามารถเก็บรายได้ให้เข้าเป้าได้ รัฐบาลจึงคิดแบบมักง่ายโดยการขึ้นภาษีทุกชนิดไม่ว่าจะเป็น ภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างนี้ ภาษีหุ้น ภาษีคลิปโต ภาษีหวาน ภาษีเค็ม ค่าเหยียบแผ่นดิน 300 บาท (ทั้งที่นักท่องเที่ยวยังไม่กลับมา) ค่าน้ำสำหรับชาวนาไร่ละ 25 บาท (แต่ยกเลิกไป) แถมยังส่งสรรพากร ไล่บี้ไล่เก็บภาษีจากประชาชนในอาชีพต่างๆ มากมาย สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างมาก ซ้ำเติมจากภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่อยู่แล้ว แต่แทนที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะนำเงินมาพัฒนาประเทศ สร้างงาน เพิ่มรายได้ให้กับประชาชน รัฐบาลกลับนำเงินมาแจกแบบสะเปะสะปะ ไม่ว่าจะเป็น คนละครึ่ง ยิ่งใช้ยิ่งได้ เที่ยวด้วยกัน ช้อปดีมีคืน ฯลฯ ซึ่งไม่ได้ทำให้เกิดการพัฒนาความสามารถแข่งขันของประเทศและไม่เกิดการจ้างงาน ใช้แล้วก็หมดไป แถม พล.อ.ประยุทธ์ ยังจะนำเงินที่เก็บภาษีได้ไปซื้ออาวุธสะเปะสะปะกันอีก ทั้งเครื่องบินรบ F 35 เรือดำน้ำ และ เรือต่อต้านเรือดำน้ำ ฯลฯ ยิ่งหนักเข้าไปอีก เพราะการซื้ออาวุธเงินจะไหลออกไปต่างประเทศหมด ดังนั้นจึงเห็นได้ว่าพลเอกประยุทธ์ คิดได้แค่ ขึ้นภาษี แจกเงิน และ ซื้ออาวุธ เท่านั้น แถมพอรัฐบาลเงินไม่พอ ยังต้องไปกู้เงินอีกเป็นจำนวนมากจนหนี้สาธารณะท่วม แล้วประเทศจะพัฒนาต่อไปได้อย่างไรถ้าคิดได้แค่นี้
ในภาวะเศรษฐกิจที่ฝืดเคือง รัฐบาลที่มีความรู้ความสามารถจะต้องเร่งสร้างรายได้ให้ประชาชนก่อน อย่างเช่นในประเทศสหรัฐอเมริกา ผู้นำสหรัฐจะลดภาษีทุกครั้งที่เศรษฐกิจฝืดเคือง เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นก่อน จึงค่อยจะคิดเก็บภาษีเพิ่มขึ้น หรือ หลายครั้งการเก็บภาษีก็เพิ่มขึ้นมาเองจากเศรษฐกิจที่ดีขึ้น คนจับจ่ายใช้สอยมากรัฐบาลก็เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มได้มากขึ้น คนมีปัญญาจ่ายภาษีส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น บริษัทห้างร้านมีกำไรก็จ่ายภาษีมากขึ้น รัฐก็มีรายได้มากขึ้น ดังนั้นจึงอยากให้พล.อ.ประยุทธ์ ได้ศึกษาตัวอย่างในต่างประเทศ
นอกจากนี้ในภาวะเศรษฐกิจโลกที่ย่ำแย่ในช่วงหลังวิกฤติการณ์โควิด ได้มีกลุ่มอภิมหาเศรษฐีของโลกได้ออกเรียกร้องให้รัฐบาลเก็บภาษีกับคนร่ำรวยมหาศาลที่มีปัญญาจ่ายภาษีกันมากขึ้น เพื่อนำเงินไปช่วยคนที่ลำบากและยังได้ลดความเหลื่อมล้ำที่มากขึ้น หลังวิกฤตการณ์โควิด ซึ่งเห็นว่าน่าจะเป็นความคิดที่ดี และ มหาเศรษฐี และ อภิมหาเศรษฐีของไทยที่ร่ำรวยมากขึ้นมาตลอด 7 ปีนี้ได้เรียนแบบและนำความคิดนี้มาใช้บ้าง ประเทศไทยที่ได้ชื่อว่ามีความเหลื่อมล้ำติดอันดับหนึ่งของโลก จะได้ลดความเหลื่อมล้ำลงบ้าง ก่อนปัญหาทางเศรษฐกิจจะนำไปสู่ปัญหาทางสังคมที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตถ้าเศรษฐกิจไทยยังย่ำแย่และความเหลื่อมล้ำยังขยายตัวมากขึ้นตลอด
ดังนั้นในภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องคิดได้มากกว่า การขึ้นภาษี การแจกเงิน และ การซื้ออาวุธ เพราะหากคิดได้แค่นี้ พล.อ.ประยุทธ์ ที่ประกาศจะสู้ตายไม่ยอมแพ้จากปัญหาความแตกแยกในพรรค พปชร. จะกลายเป็นความพ่ายแพ้ของคนทั้งชาติ และน่าจะ "ถอยดีกว่า" ตามคำแนะนำของนักร้องดังในอดีตได้แล้ว ก่อนประเทศจะเสื่อมถอยลงไปมากกว่านี้