Skip to main content

เพื่อไทยแถลงข่าวบ่ายวันนี้ (2 ส.ค.) ขอถอนตัวจากพันธมิตร 8 พรรคจัดตั้งรัฐบาล เตะพรรคก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน จะไม่มีพรรคก้าวไกลในการตั้งรัฐบาลใหม่ อ้าง สว.-สส.ไม่ยอมรับ พร้อมเสนอเศรษฐาให้รัฐสภาให้ความเห็นชอบเป็นนายกรัฐมนตรีในการโหวตวันที่ 4ส.ค.

การแถลงข่าวของพรรคเพื่อไทย มีแกนนำพรรค ประกอบด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรค ภูมิธรรม เวชชยชัย รองหัวหน้าพรรค และประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรค

ประเสริฐ กล่าวว่า ช่วงเช้าที่ผ่านมามีการหารือร่วมกับพรรคกับก้าวไกลร่วม 2 ชม. และทางพรรคเพื่อไทยแจ้งผลการหารือและข้อสรุปต่างๆ ไปยัง 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาลแล้ว ถึงแนวทางของพรรคเพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล

นพ.ชลน่าน แถลงกับสื่อมวลชนด้วยท่าทีที่ระมัดระวัง โดยการอ่านคำแถลงเนื้อหาระบุว่า พรรคเพื่อไทยได้สนับสนุนพรรคก้าวไกลอย่างเต็มความสามารถ ทั้งการอภิปรายและยกมือสนับสนุนทั้ง 141 เสียง แต่เนื่องจากปรากฏเงื่อนไขของพรรคการเมืองอื่นๆ และสมาชิกวุฒิสภา ไม่ยอมรับนโยบายแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ของพรรคก้าวไกล ส่งผลให้วันที่ 13 ก.ค.2566 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล ไม่สามารถรวบรวมเสียงสนบัสนุนจากรัฐสภาได้ โดยมี 324 เสียงจากที่ต้องการ 376 เสียง

นพ.ชลน่าน แถลงว่า พรรคก้าวไกลรับทราบท่าทีเหล่านี้ และยืนยันไม่ปรับเปลี่ยนนโยบาย จึงเป็นการแน่ชัดว่าแคนดิเดตนากยกจากพรรคก้าวไกลจะไม่สามารถผ่านการลงมติเห็นชอบจากรัฐสภาให้ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้

หัวหน้าพรรคเพื่อไทยระบุว่า เมื่อที่ประชุม 8 พรรคร่วมมีมติส่งมอบภารกิจแกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้กับพรรคเพื่อไทย โดยเห็นชอบแนวทางให้พรรคเพื่อไทยหาเสียงสนับสนุนทั้งจากพรรคการเมืองนอกกลุ่ม พรรคร่วมเดิม และสมาชิกวุฒิสภาได้ พรรคเพื่อไทยจึงเชิญหลายพรรคการเมืองเข้าหารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และส่งตัวแทนรับฟังความคิดเห็นจาก สว.พบว่า นโยบายแก้ไข ม.112 ยังคงเป็นเงื่อนไขหลัก ขณะที่บางพรรค และบางคนแสดงเจตนาอย่างชัดแจ้งว่า จะไม่สนบัสนนุการร่วมรัฐบาลกับพรรคก้าวไกลในทุกกรณี

“ในสถานการณ์เช่นนี้ พรรคเพื่อไทยได้ปรึกษาหารือกับพรรคก้าวไกล ขอถอนตัวจากการร่วมมือ และเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลพรรคร่วมใหม่ เสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่ออไทยดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี”

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทย และนายเศรษฐา ทวีสิน ขอยืนยันชัดเจนว่า เราจะไม่สนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ จะไม่มีพรรคก้าวไกลอยู่ในพรรคร่วม พรรคเพื่อไทยจะใช้ความพยายามรวบรวมเสียงให้เพียงพอต่อดารจัดตั้งรัฐบาลอย่างเหมาะสม และพรรคก้าวไกลจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน”

หัวหน้าพรรคเพื่อไทยแถลงว่า จะเดินหน้าภารกิจสำคัญ ได้แก่

1. ผลักดันการแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน อันเป็นต้นเหตุความยากลำบากในการจัดตั้งรัฐบาล และก่อให้เกิดวิกฤตการณ์ต่างๆ ของประเทศ โดยจะกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ และจัดให้มี สสร.ในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จ จะยุบสภาให้มีการเลือกตั้งใหม่

2. จะเดินหน้านโยบายที่พรรคร่วมที่มีความเห็นสอดคล้องกัน อาทิ กฎหมายสมสรเท่าเทียม สุราก้าวหน้า การปฏิรูประบบราชการ ตำรวจ กองทัพ และกระบวนการยุติธรรม เปลี่ยนการเกณฑ์ทหารแบบบังคับเป็นระบบสมัครใจ ผลักดันการกระจายอำนาจทั้งแง่ภารกิจและงบประเมาณ ยกเลิกการผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรมในทุกอุตสาหกรรม

ในส่วนของงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 4 ส.ค.นพ.ชลน่าน กล่าวว่าได้พูดคุยกับพรรคก้าวไกลว่า ให้เป็นเอกสิทธิ์ของ สส. หรือของพรรคก้าวไกลที่จะลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้กับแคนดิเดตนากยรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย และกล่าวว่าให้รอฟังข่าวในส่วนของพรรคการเมืองที่จะร่วมตั้งรัฐบาลชุดใหม่ในวันพรุ่งนี้