แก้น้ำประปาได้ใน 1 ปี คุ้มกว่าเงินซื้อเสียงไม่กี่พัน ! 'ธนาธร' ติวเข้มผู้สมัคร อบต. แนะใช้ความจริงใจ - นโยบายมัดใจ ปชช. ลั่นในอนาคต 'คณะก้าวหน้า' จะเป็นคลังความรู้ด้านท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ
เมื่อวันที่ 9 พ.ย. 2564 ที่ จ.ลพบุรี ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า พร้อมด้วย ชำนาญ จันทร์เรือง กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า และไกลก้อง ไวทยการ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้าและผู้อำนวยการฝ่ายนโยบายท้องถิ่น เดินทางพบปะแลกเปลี่ยนกับผู้สมัครทีมนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ในพื้นที่ จ.ลพบุรี และสระบุรี ที่คณะก้าวหน้าให้การสนับสนุน โดยทีมผู้สมัครแต่ละแห่งต่างสะท้อนปัญหา รวมถึงชูนโยบายที่จะใช้ในการหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้ ซึ่งหลายแห่งมีความสนใจเรื่องระบบน้ำประปาที่สะอาด และสามารถเป็นนำประปาที่ดื่มได้ ดังที่คณะก้าวหน้าเคยประสบความสำเร็จมาแล้วในการร่วมบริหารเทศบาลตำบลอาจสามารถ อ.อาจสามารถ จ.ร้อยเอ็ด
ธนาธร กล่าวตอนหนึ่งว่า สำหรับทีมผู้สมัครนายก อบต. ที่คณะก้าวหน้าให้การสนับสนุน ต้องยึดมั่นให้แน่วแน่ว่าจะต้องไม่ใช้วิธีการซื้อเสียงโดยเด็ดขาด เพราะนั่นคือจุดเริ่มต้นของการทุจริต โดยสิ่งที่ผู้สมัครของคณะก้าวหน้าควรทำ คือการเพียรพยายามอธิบายกับประชาชนให้เข้าใจว่า การซื้อเสียงนั้นคือการขโมยอนาคตของพวกเขา นี่คือการฉุดรั้งการพัฒนาบ้านเกิดของพวกเขาเอง ที่มีปัญหาเรื้อรังมากมายที่ควรได้รับการแก้ไขตั้งแต่ทศวรรษที่แล้ว เช่น เรื่องของน้ำประปา ที่ไม่ว่าตนเดินทางไปที่ไหน ล้วนแต่มีปัญหาเกือบทุกที่ ซึ่งคณะก้าวหน้าได้พิสูจน์จากการมีส่วนร่วมไปบริหารเทศบาลหลายแห่งมาแล้ว ว่าเราสามารถแก้ไขปัญหาเรื่องนี้ได้ อย่างที่ ทต.อาจสามารถเราทำน้ำประปาดื่มได้ภายในเวลาเพียง 99 วัน และในหลายเทศบาลกำลังดำเนินการเรื่องนี้อยู่ คาดว่าจะเห็นผลได้ภายในหนึ่งปีหลังจากนี้ ซึ่งทั้งหมดนี้จะเป็นผลประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนมากกว่าการรับเงินซื้อเสียงแลกกับอนาคตของบ้านเกิดเราแน่ ๆ
"บอกพี่น้องประชาชนให้ชัด การแก้ปัญหาน้ำประปาได้ภายใน 1 ปี คุ้มกว่าการรับเงินหลักไม่กี่พันบาทแล้วไม่มีอะไรเปลี่ยนไปเลยแน่ๆ นี่คือสิ่งที่เราให้สัญญาแก่ประชาชนได้ เราทุกคนต้องหนักแน่นที่จะไม่ใช้เงินในทางนี้ แต่เราต้องอธิบายให้พวกเขาเข้าใจ ใช้ความจริงใจ ใช้นโยบายที่ทำได้จริง เข้าไปทำให้เห็น ว่าการรับเงินไม่คุ้มกว่าแน่ๆ" ธนาธรกล่าว
ธนาธร กล่าวด้วยว่า คณะก้าวหน้ามีเป้าหมายการทำการเมืองท้องถิ่นในระยะยาว การพัฒนาท้องถิ่นเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาอย่างน้อย 4-8 ปี หรือสองรอบการเลือกตั้งที่จะเห็นผล และที่สำคัญ ตนเล็งเห็นว่าในอนาคต คณะก้าวหน้าจะต้องเป็นคลังความรู้เกี่ยวกับการบริหารท้องถิ่น ซึ่งเมื่อเราทำไปเรื่อยๆ มั่นใจว่าเราจะเป็นคลังความรู้ที่ใหญ่มาก เราเจอสภาพสังคมเมืองที่มีปัญหาแบบหนึ่ง เราเจอสภาพสังคมชนบทที่มีปัญหาอีกรูปแบบหนึ่ง แต่ละที่มีลักษณะแตกต่างกันไป ภายในสองรอบการเลือกตั้ง คณะก้าวหน้าจะเป็นองค์กรที่มีองค์ความรู้ท้องถิ่นเยอะที่สุด จะไม่มีใครมีองค์ความรู้ด้านท้องถิ่นมากไปกว่าเราอีกแล้ว เราจะเป็นคลังสมอง คลังความรู้ด้านท้องถิ่นที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ที่จะเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาท้องถิ่น ทั้งสำหรับเราเองและสำหรับผู้อื่นต่อไปในอนาคต