Skip to main content

‘อันโตนิอู กุแตเรซ’ เลขาธิการสหประชาชาติกล่าวต่อที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติชี้ว่า ตอนนี้โลกอยู่ตรงขอบเหวและเดินมาผิดทิศทาง เรียกร้องผู้นำโลกแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ รวมถึงการกระจายวัคซีนที่ไม่เป็นธรรม และชี้ให้เห็นการกลับมาอีกครั้งของการรัฐประหารในขณะที่ประชาคมโลกขาดความเป็นเอกภาพในการแก้ปัญหา

กุแตเรซ กล่าวในการประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติครั้งที่ 76 ที่นครนิวยอร์ก ซึ่งเปิดฉากขึ้นเมื่อวานนี้ (21 ก.ย.) โดยระบุว่าเขามาอยู่ตรงนี้เพื่อเตือนให้ทั่วโลกต้องตื่นขึ้นมาจัดการกับปัญหา โลกใบนี้กำลังอยู่ที่ขอบเหวและเดินมาผิดทิศทาง เราไม่เคยถูกคุกคามและแบ่งแยกมากเท่านี้มาก่อน ประชาชนอาจสูญเสียความศรัทธาไม่ใช่เพียงแค่ต่อรัฐบาลและสถาบันต่างๆ ของพวกเขาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงต่อคุณค่าพื้นฐานเมื่อพวกเขาเห็นว่าสิทธิมนุษยชนถูกลดทอน เห็นการทุจริต ความเป็นจริงของชีวิตที่ยากลำบาก การไม่มีอนาคตสำหรับลูกหลาน และเมื่อพวกเขาเห็นว่ามหาเศรษฐีได้ท่องอวกาศ แต่คนอีกหลายล้านบนโลกนี้กำลังอดอยากหิวโหย

เลขาธิการสหประชาชาติเน้นย้ำถึงปัญหาความเหลื่อมล้ำในการกระจายวัคซีนป้องกันโควิด-19 โดยระบุว่า ในขณะที่ประเทศร่ำรวยมีการฉีดวัคซีนป้องกันโควิดครอบคลุมประชากรส่วนใหญ่ คนในแอฟริกากว่าร้อยละ 90 ยังคงรอคอยวัคซีนโดสแรก และในขณะที่โลกสอบผ่านเรื่องการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ แต่เรากลับได้เกรดเอฟในด้านจริยธรรม

ประเด็นการรัฐประหารยังถูกหยิบมาพูดถึงด้วยเช่นกัน โดยเลขาธิการสหประชาชาติระบุว่าเรากำลังเห็นการใช้กำลังยึดอำนาจเกิดขึ้นไปทั่ว การรัฐประหารโดยกองทัพกลับมาอีกครั้ง และการขาดความเป็นเอกภาพของประชาคมนานาชาติก็ไม่ช่วยแก้ปัญหา โดยยังชี้ว่าความแบ่งแยกเรื่องภูมิศาสตร์การเมืองคือตัวบ่อนทำลายความร่วมมือระหว่างประเทศและจำกัดความสามารถของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในการตัดสินใจที่จำเป็น ทั้งยังเตือนถึงความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่าง 2 ชาติมหาอำนาจคือสหรัฐฯ และจีน โดยกล่าวว่าเขากังวลว่าโลกกำลังเดินไปสู่ชุดความแตกต่าง 2 ชุดทั้งด้านเศรษฐกิจ การค้า กฎด้านการเงินและเทคโนโลยี ไปจนถึงวิธีการที่แตกต่างกันในการพัฒนาปัญหาประดิษฐ์ และความแตกต่างอย่างสิ้นเชิง 2 แบบ ในด้านยุทธศาสตร์การทหารและภูมิศาสตร์การเมือง

ทั้งนี้ เลขาธิการสหประชาชาติได้เรียกร้องให้ผู้นำโลกเร่งเชื่อมความแบ่งแยกที่เป็นปัญหาใหญ่ 6 ประการ โดยส่งเสริมสันติภาพและยุติความขัดแย้ง ฟื้นฟูความเชื่อถือระหว่างประเทศร่ำรวยที่พัฒนาแล้วกับประเทศกำลังพัฒนาในการจัดการกับปัญหาโลกร้อน ลดช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจน ส่งเสริมความเท่าเทียมทางเพศ รับรองว่าครึ่งหนึ่งของประชากรที่ไม่สามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตจะเข้าถึงการเชื่อมต่อได้ภายในปี 2573 และแก้ปัญหาความแบ่งแยกระหว่างคนต่างยุคโดยเปิดพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ได้ร่วมการตัดสินใจ

 

‘ไบเดน’ ยืนยันสหรัฐฯ ไม่แสวงหาสงครามเย็น - ‘สีจิ้นผิง’ เลิกหนุนสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินในต่างประเทศ

 

ประธานาธิบดี ‘โจ ไบเดน’ ของสหรัฐฯ ที่ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติเป็นครั้งแรกระบุว่า สหรัฐฯ ไม่ได้กำลังแสวงหาสงครามเย็นครั้งใหม่หรือต้องการโลกที่แบ่งแยกเป็นกลุ่มก้อน โดยสหรัฐฯ พร้อมทำงานร่วมกับทุกชาติในการเดินหน้าและแสวงหาทางออกอย่างสันติเพื่อแบ่งปันความท้าทายร่วมกัน แม้ว่าจะมีความไม่เห็นพ้องต้องกันในด้านอื่นๆ ซึ่งนี่ถูกมองเป็นการตอบโต้คำกล่าวของเลขาธิการสหประชาชาติเมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาซึ่งได้บอกว่าสหรัฐฯ และจีนกำลังถูกนำไปสู่สงครามเย็นที่แตกต่างจากสงครามเย็นครั้งก่อนหน้า และอาจมีความอันตรายและยากขึ้นในการจัดการ

ผู้นำสหรัฐฯ ยังได้กล่าวป้องการตัดสินใจถอนทหารจากอัฟกานิสถานซึ่งถูกวิจารณ์หนักทั้งในประเทศและจากชาติพันธมิตรว่า นี่เป็นการตัดสินใจยุติช่วงเวลาแห่งสงครามที่ไม่อ่อนข้อไปสู่ยุคสมัยใหม่แห่งการทูตที่ไม่หยุดยั้ง พร้อมยืนยันว่าสหรัฐฯ ยังสนับสนุนประชาธิปไตยและการทูต และสัญญาเพิ่มเงินช่วยเหลือประเทศกำลังพัฒนาในการต่อสู้กับปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็น 11,400 ล้านดอลลาร์ภายในปี 2567

ขณะที่ประธานาธิบดี ‘สีจิ้นผิง’ ของจีนกล่าวผ่านวิดีโอว่า จีนจะเดินหน้าสนับสนุนประเทศกำลังพัฒนาอื่นๆ ในการพัฒนาพลังงานสะอาดและพลังงานคาร์บอนต่ำ และจะไม่สร้างโรงไฟฟ้าพลังงานถ่านหินแห่งใหม่ในต่างประเทศโดยไม่ได้มีการเผยรายละเอียด แต่สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่าความเคลื่อนไหวนี้อาจหมายถึงการจำกัดการขยายโรงไฟฟ้าถ่านหินในหลายประเทศกำลังพัฒนาที่อยู่ภายใต้ข้อริเริ่มหนึ่งแถบหนึ่งเส้นทาง (Belt and Road Initiative) ของจีน ซึ่งที่ผ่านมาจีนได้สนับสนุนโครงการโรงไฟฟ้าถ่านหินในประเทศต่างๆ ในข้อริเริ่มดังกล่าว เช่น เวียดนามและอินโดนีเซีย แต่ก็เผชิญแรงกดดันให้ยุติการสนับสนุนเหล่านั้นเนื่องจากทั่วโลกต้องพยายามบรรลุเป้าหมายความตกลงปารีสเพื่อต่อสู้กับความเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ทั้งนี้ ผู้นำโลกกลับมาร่วมประชุมสมัชชาสหประชาชาติที่นิวยอร์กอีกครั้งในปีนี้หลังจากเมื่อปีที่แล้วต้องจัดการประชุมแบบทางไกลจากปัญหาการระบาดใหญ่ของโควิด-19 อย่างไรก็ตาม การระบาดที่ยังคงดำเนินอยู่ก็ทำให้ราว 1 ใน 3 ของสมาชิกสหประชาชาติ 193 ประเทศส่งวิดีโอสุนทรพจน์ของผู้นำที่บันทึกเอาไว้ก่อนเข้ามาเปิดในที่ประชุมแทน ในขณะที่ประเทศสมาชิกที่เหลือกว่า 100 แห่ง มีประธานาธิบดี นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีต่างประเทศเดินทางเข้าร่วมการประชุมที่สหรัฐฯ โดยการประชุมจะดำเนินไปจนถึงวันที่ 27 ก.ย.

อ้างอิง

António Guterres ‘sounds the alarm’ over global inequalities in UN speech

‘The world must wake up’: Tasks daunting as UN meeting opens

UN chief grades world on COVID-19 vaccine rollout: 'F in Ethics'

World seeing ‘explosion' in power seizures by force; military coups are back: UN chief

President Biden urges unity in first UN speech amid tensions with allies

China pledges to stop building new coal energy plants abroad