Skip to main content

มติชนออนไลน์ รายงาน วันที่ 16 ก.ย. นิวัติไชย เกษมมงคล รองเลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ในฐานะโฆษก ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีศาลปกครองกลางมีคำพิพากษาให้ ป.ป.ช. เปิดเผยข้อมูลคดีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้ ป.ป.ช.กำลังรอคำพิพากษาดังกล่าวจากศาลปกครองกลางอยู่ เพื่อขอดูคำพิพากษาอย่างเป็นทางการว่า จะให้เปิดเผยข้อมูลทางคดีในส่วนใด 

จากนั้นคณะกรรมการ ป.ป.ช. ชุดใหญ่จะพิจารณาว่า จะสามารถเปิดเผยข้อมูลได้หรือไม่ หรือเปิดเผยได้เพียงแค่ไหน ถ้าเป็นข้อมูลในส่วนที่เกี่ยวกับสำนวนในคดีโดยตรง คงเปิดไม่ได้ เพราะถ้าเปิดเผยไปแล้ว จะรู้ว่า มีพยานคนใดบ้าง ให้การอย่างไร อาจเกิดการไปฟ้องร้องตามมา ถ้าเป็นข้อมูลที่เกิดผลกระทบให้กระบวนการยุติธรรมเสื่อมประสิทธิภาพคงให้ดูไม่ได้ หรือถ้าเป็นข้อมูลที่เปิดไปแล้วไปกระทบต่อสิทธิเสรีภาพส่วนบุคคล กฎหมาย ป.ป.ช. ก็ไม่ให้เปิดเผย รวมถึงถ้าเป็นข้อมูลที่ขัดแย้งกับรัฐธรรมนูญ ไม่ได้หมายความว่า ป.ป.ช.จะปกปิดไม่เปิดเผย แต่ต้องรอเหตุผลและรายละเอียดคำพิพากษาก่อน แล้ว ป.ป.ช.จะพิจารณาอีกครั้ง ส่วนป.ป.ช.จะยื่นอุทธรณ์คัดค้านการเปิดเผยสำนวนคดีต่อศาลปกครองสูงสุดหรือไม่ ยังตอบไม่ได้ ขอให้ที่ประชุม ป.ป.ช.วินิจฉัยก่อน

โดยเมื่อวานนี้ (15 ก.ย.)  ศาลปกครองกลางอ่านคำพิพากษาคดีหมายเลขดำที่ 2557/2562 คดีหมายเลขแดงที่ 1327/2564 ในคดีที่ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวออนไลน์ The MATTER ยื่นฟ้อง ป.ป.ช.กรณีไม่เปิดเผยข้อมุลข่าวสารเกี่ยวกับคดีนาฬิกาหรูของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ สมัยเป็นรองนายกรัฐมนตรีในรัฐบาล คสช. ซึ่ง ป.ป.ช.มีมติไม่รับคดีนี้ไว้ไต่สวนแล้ว ตั้งแต่วันที่ 27 ธันวามคม 2561 โดยศาลปกครองกลาง ได้พิพากษาให้ ป.ป.ช.ต้องเปิดเผยข้อมูลข่าวสาร จำนวน 2 รายการที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ให้กับผู้สื่อข่าวสำนักข่าวออนไลน์ The MATTER ประกอบด้วย 1.รายงานสรุปผลการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานซึ่งคณะทำงานรวบรวมเสนอต่อที่ประชุม ป.ป.ช.ในวันที่มีมติเกี่ยวกับคดีนี้ รวมถึงเอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง และ 2. คำชี้แจงของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ในคดีนี้รวม 4 ครั้ง ทั้งนี้ให้ปกปิดข้อมูลที่มีลักษณะเฉพาะของบุคคล และให้เปิดเผยข้อมูลข่าวสารดังกล่าวเผยใน 15 วัน นับแต่วันที่คดีถึงที่สุด

โดยในคำพิพากษาบางส่วน ระบุว่าการเปิดเผยข้อมูลข่าวสารนี้จะแสดงให้เห็นถึงความโปร่งใสและตรวจสอบได้ อันจะก่อให้เกิดความน่าเชื่อถือและศรัทธาในการปฏิบัติงานของ ป.ป.ช.อีกทั้งผู้ฟ้องคดีสมควรจะได้รับความคุ้มครองสิทธิในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร ซึ่งอยู่ในความครอบครองของหน่วยงานของรัฐ ซึ่งเป็นหน้าที่ของรัฐจะต้องเปิดเผย ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 มาตรา 41 และ 59 เพื่อเปิดโอกาสให้มีการรับรู้ข้อมูลข่าวสารเกี่ยวกับการดำเนินการต่างๆ ของรัฐ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นในระบอบประชาธิปไตย ตามหลักการและเจตนารมณ์ของ พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารฯ และเพื่อให้มีการตรวจสอบความโปร่งใสในการปฏิบัติหน้าที่ของ ป.ป.ช.ให้สิ้นสงสัย อันเป็นการแสดงให้เห็นถึงการปฏิบัติหน้าที่และการใช้อำนาจ ที่ต้องเป็นไปโดยสุจริต เที่ยงธรรม กล้าหาญ และปราศจากอคติทั้งปวงในการใช้ดุลยพินิจ

อย่างไรก็ตาม ทาง ป.ป.ช.ยังสามารถอุทธรณ์คดีนี้ต่อศาลปกครองสูงสุดได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่มีคำพิพากษา