สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ผู้สมัคร ผู้ว่า ฯ กทม. พรรคประชาธิปัตย์ ยื่นหนังสือสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของตนเองและ สวิตา สุวรรณสวัสดิ์ ภรรยา จากกรณีที่ คณะกรรมาธิการ ป.ป.ช. ของสภาผู้แทนราษฎรได้ออกมาให้ข้อมูลกล่าวอ้างว่า มีผู้ร้องเรียนซึ่งเป็นบุคคลที่ไม่สามารถระบุชื่อได้ มาร้องเรียนว่า ในสมัยที่ตนดำรงตำแหน่งอธิการบดี สถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง มีพฤติกรรมที่ส่อไปในทางทุจริตและประพฤติมิชอบ พร้อมกับออกมาให้ข้อมูลชี้นำทางสื่อว่า มีความร่ำรวยผิดปกติ จากข้อมูลการยื่นทรัพย์สินและหนี้สินต่อ ป.ป.ช.
สุชัชวีร์ กล่าวว่า รู้สึกได้ว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม และรู้สึกได้ว่าถูกรังแก ถูกกลั่นแกล้งทางการเมือง และมีกระบวนการที่ต้องการที่จะบั่นทอนความน่าเชื่อถือ และความตั้งใจในการออกมาทำงาน
"ผมไม่เคยคิดว่าผมต้องมาเจอเรื่องความไม่เป็นธรรมแบบนี้ เพราะฉะนั้นผมอยากเรียนกับทุกท่านชัดๆ ว่า ผมกล้าอาสาออกมาทำงานเพื่อประชาชน ผมไม่ปฏิเสธการตรวจสอบ และพร้อมให้มีการตรวจสอบ ผมจึงมาที่ ปปช. เพื่อยื่นจดหมายถึง ปปช. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ ภายใต้รัฐธรรมนูญที่มีอำนาจหน้าที่โดยตรง ขอความกรุณาให้ท่านตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินของผมและภรรยา เพราะผมมั่นใจว่า ปปช. ที่นี่มีกระบวนการตรวจสอบและให้ความเป็นธรรมกับผมและครอบครัวได้" สุชัชวีร์ กล่าว
สุชัชวีร์ ยืนยันว่า ขณะที่ปฏิบัติหน้าที่อธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบังนั้น ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความซื่อสัตย์สุจริต และไม่ทุจริต ทั้งบัญชีทรัพย์สิน และหนี้สินที่ยื่นต่อ ป.ป.ช. ตามความจริง และไม่มีการร่ำรวยผิดปกติแต่อย่างใด
"ผมมาก้าวเดินถึงวันนี้ ไม่ปฏิเสธการตรวจสอบ และยอมรับการตรวจสอบ แต่ต้องเป็นการตรวจสอบโดย ปปช. ที่เป็นองค์กรอิสระที่มีอำนาจและหน้าที่โดยตรง ผมอยากกราบขอบคุณพี่น้องประชาชนไม่เฉพาะที่เป็นคนกรุงเทพฯ เท่านั้นแต่เป็นพี่น้องประชาชนจากทั่วประเทศที่ส่งกำลังใจให้ผมและครอบครัว ผ่านทุกช่องทางจริงๆ และอยากจะบอกว่าผมไม่ท้อ แต่อยากขอความเป็นธรรม และขอกำลังใจ และกำลังใจนี้ไม่ได้ให้เฉพาะผม แต่เป็นกำลังใจที่จะให้คนรุ่นผม รุ่นน้องผมที่เขามีความพร้อม มีความรู้ มีความสามารถ ไม่ให้เขาถูกสกัดกั้นทางการเมืองในการออกมารับใช้บ้านเมือง ผมกราบขอบพระคุณทุกท่าน" สุชัชวีร์ กล่าว
สุชัชวีร์ กล่าวว่า รู้สึกว่าถูกรังแกถูกกลั่นแกล้ง และมีกระบวนการในการบั่นทอนความน่าเชื่อถือ บั่นทอนความตั้งใจของตน จึงต้องมายื่นหนังสือต่อ ป.ป.ช. ที่มีอำนาจหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ และก็มั่นใจว่าจะได้รับการตรวจสอบด้วยความเป็นธรรม
ผู้สื่อข่าวถามว่า มองว่า กมธ.ป.ป.ช.ของสภามีการถูกแทรกแซงโดยบุคคลบางคนหรือไม่ สุชัชวีร์ กล่าวว่า ไม่สามารถตอบคำถามนี้ได้ แต่อยากตั้งคำถามกับผู้ที่ออกมาให้ข่าวมากกว่า แต่โดยส่วนตัวรู้สึกว่าสิ่งนั้นทำให้ประชาชนเกิดความเคลือบแคลงสงสัย และมีผลกระทบกับตนและครอบครัว และกระทบต่อความน่าเชื่อถือ และความตั้งใจที่ตนกำลังเดินออกมาอาสาเป็นผู้ว่าฯ กทม.
เมื่อถามว่า หาก ป.ป.ช. บอกว่าไม่ได้ทำผิดจริงจะมีการดำเนินการคนที่กล่าวหายังไงบ้างนั้น สุชัชวีร์ กล่าวว่า ยังไม่คิดถึงขั้นนั้น วันนี้ก็มาด้วยความบริสุทธิ์ใจจริงๆ มายื่นหนังสืออยากให้ ปปช. ที่นี่ได้ตรวจสอบ และเห็นว่าระบบของ ปปช. มีกระบวนการ ต้องใช้คำว่ามีกระบวนการในการสืบสวน ในการหาข้อเท็จจริง ให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่าย และตนมีความเชื่อมั่นในเรื่องของการยื่นบัญชีทรัทย์สินต้องยื่นผู้ที่มีอำนาจหน้าที่ของรัฐมีความจำเป็นที่ต้องยื่น และในการยื่นนั้นก็ชัดเจน ยื่นมาทาง ป.ป.ช. หากมีอะไรผิดปกติ ป.ป.ช. จะมีกระบวนการในการสอบสวน ในการสืบหาข้อเท็จจริง และให้ความเป็นธรรมกับทุกฝ่ายได้