พรรคไทยสร้างไทย เชิญนรินท์พงศ์ จินาภักดิ์ นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทย มาร่วมหารือกับ โภคิน พลกุล และวัฒนา เมืองสุข ในประเด็นที่ มติ ครม. เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2564 เห็นชอบให้กรมควบคุมโรคสั่งซื้อวัคซีนซิโนแวคเพิ่มเติมอีกจำนวน 10.9 ล้านโดส ในวงเงินประมาณ 6,100 ล้านบาท โดยใช้จ่ายจากเงินกู้ภายใต้แผนงานที่ 1.2 ตามบัญชีท้าย พรก.ฯ ที่ประชุมมีมติดังนี้
(1) ตามมาตรา 55 ของรัฐธรรมนูญซึ่งอยู่ในหมวดหน้าที่ของรัฐบัญญัติให้ รัฐมีหน้าที่ดำเนินการให้ประชาชนได้รับบริการสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพอย่างทั่วถึง ซึ่งบริการสาธารณสุขดังกล่าวต้องครอบคลุมถึง (1) การควบคุม (2) การป้องกันโรค (3) การรักษาพยาบาล และ (4) การฟื้นฟูสุขภาพ ส่วนสิทธิของประชาชนในเรื่องนี้ได้บัญญัติไว้ในมาตรา 47 ว่า บุคคลย่อมมีสิทธิได้รับการป้องกันและขจัดโรคติดต่ออันตรายจากรัฐโดยไม่เสียค่าใช้จ่าย
(2) โควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตรายตามประกาศขององค์การอนามัยโลก และตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินของนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 25 มี.ค. 2563 รัฐจึงมีหน้าที่ที่จะต้องควบคุมและป้องกันโรค รวมทั้งรักษาพยาบาลและฟื้นฟูสุขภาพประชาชนอันเป็นหน้าที่ของรัฐตามมาตรา 55 ดังกล่าว
(3) ปัจจุบันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ได้มีการกลายพันธุ์จากเดิมไปสู่สายพันธุ์อินเดียหรือเดลตาซึ่งเกิดจากการลักลอบเข้าเมืองของแรงงานต่างชาติที่อยู่ในความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีที่ได้มอบให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุดเป็นผู้รับผิดชอบ ซึ่งข้อเท็จจริงทางการแพทย์เห็นว่าวัคซีนซิโนแวคที่รัฐบาลสั่งซื้อเพิ่มดังกล่าวกระตุ้นภูมิคุ้มกันได้น้อยและไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อโควิด-19 สายพันธุ์เดลต้าที่กำลังแพร่ระบาดได้ เมื่อปรากฎข้อเท็จจริงนี้แล้วการที่รัฐบาลยังสั่งซื้อวัคซีนดังกล่าวเพิ่มเติมอีกเป็นจำนวนมากจึงขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 55 อันเป็นหน้าที่ของรัฐ
(4) ที่ประชุมเห็นว่า เมื่อการควบคุมโรค การป้องกันโรค และการรักษาพยาบาลเป็นหน้าที่ของรัฐ การที่รัฐปล่อยให้มีการแพร่ระบาดหลายครั้ง ป้องกันโรคล้มเหลว และไม่สามารถให้การรักษาพยาบาลประชาชนได้อย่างทั่วถึง คือหน้าที่ความรับผิดชอบโดยตรง ปฏิบัติหน้าที่หรือใช้อำนาจขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญหรือกฎหมายอันเป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ซึ่งสามารถดำเนินการได้ 2 ทาง คือร้องต่อ ป.ป.ช. ตามมาตรา 234 (1) ของรัฐธรรมนูญ หรือประชาชนสามารถใช้สิทธิฟ้องผู้ที่เกี่ยวข้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
(5) โดยที่เป็นประเด็นสำคัญ พรรคไทยสร้างไทยจึงได้เปิดให้ประชาชนแสดงความเห็นว่าควรฟ้องผู้รับผิดชอบในประเด็นนี้หรือไม่ ผลปรากฎว่าภายในระยะเวลาเพียง 6 วัน มีประชาชนเข้าชื่อแสดงความเห็นให้ฟ้องรัฐบาลถึง 650,000 ชื่อ เพื่อให้เป็นไปตามเจตนารมณ์ของประชาชน พรรคไทยสร้างไทยจึงขอให้นายกสมาคมทนายความแห่งประเทศไทยทำหน้าที่เป็นทนายความฟ้องผู้ที่เกี่ยวข้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบ
ที่ประชุมเห็นว่า 'ควรฟ้อง' ผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงในแต่ละประเด็นและนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้ารัฐบาล รวมทั้งเป็นผู้รับผิดชอบตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉิน ทั้งนี้ นายกสมาคมฯ จะดำเนินการร่างฟ้องและพิจารณาผู้เสียหายที่จะเป็นโจทก์ฟ้องคดีแทนประชาชนที่เข้าชื่อมาทั้งหมดเพื่อให้การดำเนินคดีเป็นไปโดยสะดวก รวดเร็วและชอบด้วยกฎหมายต่อไป