พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า จากสถานการณ์การระบาดของไวรัสโควิด-19 ในช่วงที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน ขณะนี้ ทุกคนทราบดีว่าการแพร่ระบาดมีความรุนแรงมากขึ้น จากการกลายพันธุ์ของเชื้อโควิดที่แพร่ระบาดได้ง่ายยิ่งขึ้น มาตรการทุกอย่างที่รัฐบาลจะออกมา จำเป็นต้องพิจารณาอย่างรัดกุม โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชนเป็นที่ตั้ง ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ และธุรกิจต่างๆ
ผมได้ติดตามสถานการณ์การระบาดอย่างต่อเนื่องด้วยความไม่สบายใจ และรับรายงานจากทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อประเมินสถานการณ์และความจำเป็นในการใช้แผนเผชิญเหตุ เพื่อกำหนดมาตรการการควบคุมโรคที่จะต้องเกิดขึ้น และส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนเป็นจำนวนมาก แต่หากไม่ดำเนินการ อาจจะส่งผลกระทบให้เกิดความรุนแรงมากกว่านี้ ซึ่งเราอาจมีความจำเป็นต้องกำหนดมาตรการเข้มงวดมากยิ่งขึ้นในการจำกัดการเคลื่อนย้าย การป้องกันมิให้มีการรวมกลุ่มทำกิจกรรม การปิดสถานที่เพิ่มเติม และมาตรการอื่นๆที่จำเป็น โดยในฐานะผู้อำนวยการ ศบค. ผมได้เรียกประชุม ศบค. ชุดใหญ่ในเช้าวันพรุ่งนี้ (9 ก.ค.) เพื่อพิจารณามาตรการที่ฝ่ายต่างๆ ได้เสนอเข้ามา และจะแจ้งผลการพิจารณาให้ทราบโดยทันทีครับ
ผมขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนทุกคน ช่วยกันดูแล ป้องกันตัวเอง ครอบครัว สังคม ประเทศชาติไปด้วยกัน ไม่มีใครหรือประเทศใด ที่จะสามารถแก้ไขปัญหาโควิดได้สำเร็จโดยคนเพียงคนเดียว หรือหน่วยงานเดียว ในยามที่เปรียบเสมือนการทำสงครามกับเชื้อไวรัสในครั้งนี้ สิ่งที่จะทำให้เราชนะได้ คือความสามัคคีของคนในชาติ ความมีวินัย ความอดทน การร่วมแรงร่วมใจ ช่วยเหลือกันของคนในชาติ และอีกสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งคือ ความมีสติในการรับข่าวสารในยามวิกฤต ที่มีผู้ไม่หวังดีสร้างข้อมูลเท็จที่มุ่งร้ายให้เกิดเข้าใจผิดและสับสนวุ่นวายในสังคมอย่างมากมาย ซึ่งต้องมีการดำเนินการตามกฎหมายอย่างเด็ดขาด รวมถึงผู้ที่ฝ่าฝืนมาตรการของรัฐที่ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อผู้อื่นด้วย
ผมขอให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ด่านหน้าทุกคนที่ทำงานอย่างเสียสละ และขอสัญญาว่าจะดูแลทุกคนอย่างดีที่สุด ผมและรัฐบาลจะดำเนินการอย่างเต็มที่เพื่อควบคุมสถานการณ์ให้ได้โดยเร็วที่สุดครับ
ศบค. บอกยังไม่ล็อกดาวน์ เพียงปรับมาตรการให้เข้มขึ้น
ด้าน พญ.อภิสมัย ศรีรังสรรค์ ผู้ช่วยโฆษก ศบค. กล่าวระหว่างการแถลงสถานการณ์ประจำวันว่า กระทรวงสาธารณสุข เสนอปรับมาตรการทางสังคมและมาตรทางสาธารณสุขให้เข้มข้นมากขึ้นกับที่ประชุม ศบค.ชุดเล็ก เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ โดยจะจำกัดการเดินทางออกนอกพื้นที่ ห้ามเคลื่อนย้ายระหว่างจังหวัด จะตั้งจุดตรวจเพื่อลดการเคลื่อนย้าย ปรับมาตรการ Work From Home ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนให้สูงสุด
พร้อมกำหนดให้ประชาชนให้ความร่วมมือในการเปิด-ปิดกิจการ เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านสะดวกซื้อ ร้านข้าวต้ม ตลาด ซึ่งจะมีการหารือเรื่องการกำหนดเวลาปิดกิจการ เพื่อลดเวลาเดินทางออกนอกบ้านของประชาชน ให้อยู่บ้าน ลดความเสี่ยง พร้อมจะปรับเวลาการให้บริการขนส่งสาธารณะให้สอดคล้องกับมาตรการที่กระทรวงสาธารสุขเสนอ ทั้งนี้ ข้อเสนอดังกล่าวจะนำเสนอต่อที่ประชุม ศบค.ชุดใหญ่ในวันที่ 9 ก.ค.นี้
ส่วนกรณีมีการแชร์ข้อมูลว่าจะล็อกดาวน์ 14 วัน โดยเริ่มวันศุกร์นี้จริงหรือไม่ พญ.อภิสมัย กล่าวว่า มีเพียงข้อเสนอของกระทรวงสาธารณสุขในการปรับมาตรการให้เข้มข้นขึ้นเท่านั้น ยังไม่มีประกาศเรื่องดังกล่าว ตอนนี้ยังไม่มีการล็อกดาวน์ มีเพียงข้อเสนอในการปรับมาตรการเท่านั้น ยังไม่มีข้อสรุป ซึ่งต้องรอผลการประชุมวันพรุ่งนี้ (9 ก.ค.) ทั้งนี้ ศบค.ยังแนะนำให้ประชาชนยกเว้นการเดินทางข้ามจังหวัดหรือกลับภูมิลำเนาโดยไม่จำเป็น เพื่อลดความเหนื่อยล้าที่เกิดกับร่างกายผู้ป่วย และลดการแพร่กระจายเชื้อให้แก่ผู้อื่น เพราะยอดผู้ติดเชื้อยังมีเพิ่มมากขึ้นตลอด 1-2 สัปดาห์ที่ผ่านมา