Skip to main content

ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ในฐานะหนึ่งในสมาชิกหลักของกลุ่ม Re-Solution ได้จัดรายการพิเศษทางช่องทางเฟซบุ๊กไลฟ์และ Clubhouse ในหัวข้อ "ตอบให้ชัด: ทุกคำถามเรื่องรัฐธรรมนูญกับปิยบุตร" ซึ่งช่วงหนึ่งเป็นการอธิบายความจำเป็นของกลุ่ม Re-Solution ในการล่ารายชื่อประชาชน 5 หมื่นรายชื่อ เพื่อเข้าชื่อเสนอร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับรื้อระบอบประยุทธ์ต่อรัฐสภา เพื่อให้ทันการพิจารณาในวันที่ 23 มิ.ย. นี้

 

ชี้ วาระแก้ รธน.ของประชาชนกำลังถูก 'ไฮแจ็ค' เหลือแค่ระบบเลือกตั้ง - ขอแรงประชาชนดันร่าง 'เรโซลูชั่น' เข้าสู่สภา

โดยปิยบุตร ระบุว่าในทั้ง 13 ร่างที่ได้มีการเสนอแก้ไขจากทั้งพรรคฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาล มีหลากหลายประเด็น ตั้งแต่เรื่องของระบบเลือกตั้ง, การเปิดทางให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเข้ามายุ่งเกี่ยวการใช้จ่ายงบประมาณแผ่นดินได้, การตัดอำนาจของวุฒิสภาตามบทเฉพาะกาลที่ให้อำนาจเลือกนายกรัฐมนตรี, การกำหนดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญมาทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ (ยกเว้นหมวด 1 และหมวด 2) ฯลฯ

แต่เท่าที่ตนได้ทำการสำรวจดูกระแสข่าวจากหลายส่วน คาดได้ว่าเรื่องที่น่าจะผ่านมากที่สุด จะเป็นเรื่องที่พรรคพลังประชารัฐเสนอ นั่นคือเรื่องของระบบเลือกตั้งและการเปิดทางให้ ส.ส. เข้ามายุ่งเกี่ยวกับงบประมาณแผ่นดินได้เท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นๆเป็นไปได้ว่าอาจจะตกหมดตั้งแต่วันแรกที่มีการประชุมเสียด้วยซ้ำ 

ปิยบุตร ระบุต่อไป ว่าส่วนการเข้าชื่อร่างรัฐธรรมนูญโดยกลุ่ม Re-Solution ที่เราให้ชื่อเล่นว่าร่างรัฐธรรมนูญฉบับรื้อระบอบประยุทธ์ ภายใต้ความร่วมมือกันระหว่าง iLaw, กลุ่มรัฐธรรมนูญก้าวหน้า, คณะก้าวหน้า, และพรรคก้าวไกล เกิดขึ้นเนื่องมาจากบรรยากาศการแก้รัฐธรรมนูญตั้งแต่ปีที่แล้วจนถึงปัจจุบัน ที่ต้องการทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับโดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ดูเหมือนว่าจะไปไม่ถึงฝั่งฝันแล้ว เส้นทางของการทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับถูกสกัดขัดขวางทุกวิถีทาง

แต่อยู่ดีๆ ก็มีการเสนอแก้ไขและมาตราเกิดขึ้น พวกเรากลุ่ม Re-Solution มองเห็นว่าไม่ควรปล่อยให้การแก้รัฐธรรมนูญถูกไฮแจ็คไปโดยพรรคพลังประชารัฐ เพราะพวกเขากำลังต้องการคว่ำการทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับแล้วเปลี่ยนไปแก้รายมาตราเฉพาะเรื่องที่ได้ประโยชน์ นี่จึงเป็นเหตุผลหนึ่งที่พวกเราพยายามรณรงค์ ว่าในเมื่อการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับยังเกิดขึ้นไม่ได้ การแก้ไขรายมาตรา ก็ควรจะต้องแก้ในเรื่องสำคัญ นั่นก็คือเรื่องของ 4 เสาหลักที่ค้ำยันระบอบประยุทธ์นี้เอาไว้ ได้แก่

1) วุฒิสภา 2) ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ 3) แผนยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ และ 4) มรดกบาปของการรัฐประหารที่ยังตกทอดอยู่

4 เสาหลักนี้จะต้องถูกแก้ไขเปลี่ยนแปลง โดยให้ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งใช้ช่องทางทางตามรัฐธรรมนูญ ในการเข้าชื่ออย่างน้อย 5 หมื่นคน เพื่อเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมใน 4 ประเด็นใหญ่นี้เข้าสู่การพิจารณาของสภา 

ประการแรก เราเสนอให้ยกเลิกวุฒิสภา ให้ประเทศไทยใช้สภาเดียว เนื่องจากเราไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมีวุฒิสภาอีกต่อไป เหตุผลความจำเป็นของการมีวุฒิสภาไม่มีอยู่จริงอีกแล้ว ปัจจุบันวุฒิสภาทำหน้าที่เป็นสภาตรายางให้กับรัฐบาล ไม่เคยค้าน ไม่เคยตรวจสอบอะไรรัฐบาล มีวุฒิสภาแบบนี้ไม่ต่างอะไรกับสภากาฝาก สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน

ประการต่อมา แผนยุทธศาสตร์ชาติและแผนปฏิรูปประเทศ 20 ปี จริงอยู่ว่าประเทศไหนก็ต้องมีแผนปฏิรูปประเทศ แต่เรื่องเหล่านี้ไม่ควรถูกฝังเอาไว้ในรัฐธรรมนูญและบังคับให้ทุกรัฐบาลต้องเดินตาม ควรเป็นหน้าที่ของแต่ละพรรคการเมืองเมื่อได้รับความไว้วางใจจากประชาชน

ประการต่อมา ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ 20 กว่าปีที่ผ่านมาเรายังไม่สามารถสร้างศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระที่เป็นกลางเป็นอิสระ ที่เป็นหมุดหมายหลักการของการพัฒนาระบบประชาธิปไตยได้อย่างแท้จริง มีปัญหามาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2540 

และประการสุดท้าย การจัดการมรดกรัฐประหาร ทุกวันนี้เรายังคงมีประกาศคำสั่ง คสช.อีกจำนวนมากที่ยังมีผลในทางกฎหมาย และยังมีมาตรา 279 ที่รับรองให้บรรดาคำสั่งเหล่านี้ชอบด้วยรัฐธรรมนูญชั่วกัลปาวสาน

การรัฐประหารเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในประเทศไทย เพราะว่าคนทำรัฐประหารไม่เคยถูกลงโทษดำเนินคดี ดังนั้น พวกเรากลุ่มและ Re-Solution จึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ขึ้นมาและเสนอบทใหม่ขึ้นมา ชื่อว่า 'ลบล้างผลพวงรัฐประหาร 22 พฤษภาคม 2557 และต่อต้านรัฐประหาร'

“4 ประเด็นใหญ่ที่เรานำเสนอในครั้งนี้นั้น ไม่ปรากฎอยู่ใน 13 ร่างที่เขากำลังทำกันอยู่เลย อาจจะมีบางร่างคล้ายคลึงกันอยู่บ้างแต่ก็ไม่เหมือนกันเสียทีเดียว แล้วจะทำอย่างไรดี? วันที่ 23 นี้เขาจะประชุมรัฐสภากันแล้ว เขาว่ามาว่าจะเร่งกันถึงขนาดว่า 24 นี้จะลงมติในวาระแรกกันเลย ดังนั้น ต้องขอแรงพี่น้องประชาชน ว่าต้องช่วยกันเข้าชื่อกับพวกเราให้ครบ 5 หมื่นชื่อ เพื่ออย่างน้อยๆ ร่างของเราใน 4 ประเด็นจะได้เข้าไปอยู่ในการพิจารณาของรัฐสภาในรอบนี้ แล้วจะชนะหรือแพ้กันในสภาก็ว่ากันอีกรอบหนึ่ง แต่ต้องขอแรงพี่น้องประชาชนดันเข้าสู่สภา” ปิยบุตรกล่าว

 

ย้ำจุดยืน หมวด1-2 ไม่ควรล็อก-เป็นความต้องการของยุคสมัย ยิ่งปิดกั้นกลับส่งผลเสีย -- แย้ม เตรียมเปิดร่างข้อเสนอหมวด 1-2 รับข้อเสนอปฏิรูปสถาบันฯ

จากนั้น ในช่วงหนึ่งระหว่างการถาม-ตอบแสดงความคิดเห็น ได้มีผู้ฟังร่วมถามถึงกรณีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหมวด 1-2 ที่หลายฝ่ายต่างพยายามล็อคเอาไว้ไม่ให้แก้ ว่านายปิยบุตรมีความคิดเห็นอย่างไร

ซึ่งปิยบุตร ระบุว่าในเรื่องของหมวด 1 และ หมวด 2 เป็นสิ่งที่แก้ได้แน่นอน ด้วยเหตุผล 3 ประการ คือ 1) มาตรา 256 (8) เขียนว่าในกรณีร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม ในการแก้ไขทั้งหมวด 1 และหมวด 2 ต้องไปจบที่การลงประชามติ นั่นหมายความว่าทั้งสองหมวดสามารถเสนอญัตติแก้ได้อยู่แล้ว

ส่วนในมาตรา 255 ข้อห้ามในการแก้รัฐธรรมนูญมีอยู่เพียงว่า ห้ามแก้และเปลี่ยนรูปของรัฐและเปลี่ยนระบอบการปกครอง 2 เรื่องเท่านั้น ในประวัติศาสตร์เองก็เคยมีการแก้ไขหมวด 1-2 มาแล้วหลายครั้ง รวมถึงระหว่างการทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับด้วย นั่นคือในรัฐธรรมนูญฉบับ 2492, 2530, 2540, 2550, 2560 ไปเปลี่ยนแปลงหมวด 1 และหมวด 2 มาแล้วทั้งสิ้น 

การกำหนดล็อกเข้าไปกลับจะเป็นผลเสียมากกว่า เพราะหากวันหนึ่งมีความจำเป็นขึ้นมา ในช่วงเวลาที่กำลังทำรัฐธรรมนูญใหม่จะทำอย่างไร เพราะว่าไปล็อกเอาไว้ว่าไม่ให้แตะ ใครจะไปรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าได้ว่าสังคมไทยมีความจำเป็นแก้หมวด 1 หมวด 2 หรือไม่ 

ล่าสุดสังคมไทยก็เพิ่งเห็นกัน ว่าตอนรัฐธรรมนูญ 2560 ผ่านประชามติใหม่ๆ รัชกาลที่ 10 มีพระราชกระแสให้แก้ไขเกี่ยวกับเรื่องพระราชอำนาจ ความจำเป็นในการแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 เกิดขึ้นได้เสมอ แล้วจะไปล็อคไว้ทำไม?

2) เกิดการสร้างความเข้าใจผิดๆว่าการทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับห้ามแตะหมวด 1 และหมวด 2 ซึ่งไม่จริง การทำรัฐธรรมนูญใหม่สามารถทำได้ทุกมาตราทุกหมวด หากปล่อยความเข้าใจผิดแบบนี้ดำรงอยู่ต่อไปเรื่อยๆรัฐสภาไทยจะมีอำนาจค่อยๆหดตัวลงเรื่อยๆ 

3) การชุมนุมของนักเรียน นิสิต นักศึกษา และเยาวชนทั่วประเทศ มีข้อเรียกร้องของการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ นี่คือเสียงของความต้องการของยุคสมัย การไปปิดล็อกหมวด 1 หมวด 2 แบบนี้จะปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ไม่ได้เลย นี่คือเสียงเรียกร้องของยุคสมัย แต่ปรากฏว่านักการเมืองในสภาไปปิดประตูใส่หน้าเขา ด้วยการบอกว่าเรื่องนี้ทำไม่ได้
 
“มันคือการเอาความต้องการ เอาหัวจิตหัวใจการต่อสู้ของนักเรียน นิสิต นักศึกษา เยาวชน ตลอดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาไปมัดรวมกัน แล้วนักการเมืองที่อยู่ในสภาก็ไปกระทืบความต้องการของเขาลงไปอยู่ในดิน เอาแรงกายแรงใจความหวังของเขาที่อยากจะปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ ไปมัดรวมกันแล้วกระทืบความหวังความฝันของพวกเขา ให้มันไปอยู่ในดินแล้วประเทศจะเดินต่ออย่างไร? เดี๋ยวเขาต้องกลับมาอีก เขาจะโดนกี่คดีก็ตามเดี๋ยวเขาก็กลับมาชุมนุมกันอีก เดี๋ยวก็จะมีคนหน้าใหม่ๆเกิดขึ้นอีก เพราะมันเป็นความต้องการของยุคสมัย มันเป็นความต้องการของคนรุ่นหนึ่งที่ปฏิเสธมันไม่ได้แล้ว ไม่ว่าท่านจะชอบหรือไม่ ท่านจะอยากให้เกิดหรือไม่ แต่มันมีคนกลุ่มนี้ที่มีขนาดใหญ่มากจากรุ่นสู่รุ่น เรียกร้องเรื่องนี้ คุณอ้างว่าเป็นผู้แทนปวงชนชาวไทย แต่กลับเอาความหวังความฝันเหล่านี้กระทืบลงไปจมติดเรียบร้อยแล้ว ด้วยการล็อกหมวด 1 หมวด 2 เอาไว้” ปิยบุตรกล่าว

ปิยบุตรยังกล่าวต่อไป ว่าที่จริงแล้ว ส่วนตัวของตนมีข้อเสนอเรื่องปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์อย่างสมบูรณ์ ที่ได้ทยอยโพสต์ลงในเฟซบุ๊ก ไปแล้วหลายตอน รวมทั้งได้มีการยกร่างตัวแบบของหมวด 1 และหมวด 2 เอาไว้เรียบร้อยแล้ว

ซึ่งในอีกไม่กี่สัปดาห์ ตนจะหาจังหวะเปิดให้สาธารณชนได้ลองนำมาพิจารณาแลกเปลี่ยนกัน เป็นบททดลองนำเสนอเรื่องการปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ที่อยู่ในหมวด 1 และหมวด 2 จะเขียนให้ดูว่าถ้าจะปฏิรูปสถาบันกษัตริย์นั้น มันมีตัวแบบมาให้นำเสนอแลกเปลี่ยนอภิปรายกันว่าอย่างไรบ้าง 

แต่ที่ Re-Solution ไม่ได้นำเสนอ เพราะเรื่องการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์เป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลาพูดคุยทำความเข้าใจกัน เพื่อสร้างฉันทามติของสังคม ต้องมีการรณรงค์การอย่างต่อเนื่อง แต่อย่างน้อยที่สุด กระบวนการแก้รัฐธรรมนูญในขณะนี้ ควรต้องมีการเปิดพื้นที่เอาไว้ ว่าถ้าเรามีสภาร่างรัฐธรรมนูญเกิดขึ้นมาทำร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับทุกมาตรา แล้วเกิดมีนักเรียน นิสิต นักศึกษา เยาวชน เขาอยากเข้าไปร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ มีประเด็นเรื่องหมวด 1 หมวด 2 เขาก็ย่อมมีสิทธิ์ลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น สสร. เข้าไปแก้และนำเสนอหมวด 1 หมวด 2 ได้