Skip to main content

คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย กล่าวย้ำจุดยืนของพรรคไทยสร้างไทยในการเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน โดยยืนยันว่าวิกฤตของประเทศเกิดขึ้นจากการเขียนรัฐธรรมนูญเพื่อสืบทอดเผด็จการ ดังนั้นทางออกเดียวที่จะออกจากวิกฤตนี้คือให้ประชาชน เป็นคนเขียนรัฐธรรมนูญของตนเอง จุดยืนของพรรคคือไม่ทรยศประชาชน และยังคงเดินหน้าคืนอำนาจให้กับประชาชน พร้อมทวงคำมั่นสัญญาจากทุกพรรคการเมืองที่ให้ไว้กับประชาชนว่าจะให้รัฐธรรมนูญฉบับประชาชน หากทุกพรรคจริงใจก็ขอให้ไปทำประชามติ เพื่อคืนอำนาจให้ประชาชนเขียนรัฐธรรมนูญ

พรรคไทยสร้างไทย

โภคิน พลกุล ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนประเทศ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ควรได้รับการแก้ไขทั้งฉบับเพื่อวางโครงสร้างใหม่  ส่วนจํานวน ส.ส. ที่ผ่านมามีความหลากหลายตามรัฐธรรมนูญ ซึ่งการเลือกตั้งแบบปี 60 เพิ่งใช้ได้ครั้งเดียวก็ไม่เอาอีกแล้วหรือ การกลับไปใช้แบบรัฐธรรมนูญ 2540, 2550 ซึ่งคณะรัฐประหารบอกว่าไม่ดี เพราะระบบการเลือกตั้งถูกมองว่าเป็นความได้เปรียบเสียเปรียบของพรรคการเมือง วิธีการแก้ปัญหาที่ดีจึงไม่ควรให้พรรคการเมืองที่เป็นผู้มีส่วนได้เสียเป็นผู้ตัดสินใจ และทางออกที่ดีที่สุดในเรื่องนี้คือการคืนอํานาจให้ประชาชนไปจัดทําร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งจะรวมถึงการออกแบบจํานวน ส.ส. และระบบการเลือกตั้งใหม่ด้วย ที่ผ่านการรับหลักการแก้ไขมาตรา 256 ถูกโหวตคว่ำในวาระ 3 จึงไม่มีเหตุผลที่พรรคพลังประชารัฐ จะเสนอร่างญัตติของแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีบัตร 2 ใบ ที่ตัวเองเคยลงมติไม่รับหลักการมาแล้ว อีกครั้ง ควรนําเรื่องนี้ไปให้ประชาชนพิจารณามากกว่า 

ด้านวัฒนา เมืองสุข ประธานคณะกรรมการกฎหมายและการเมือง กล่าวว่า สิ่งที่ดีที่สุดในการขจัดความขัดแย้งนี้คือควรโยนให้ประชาชนเป็นคนเลือกเป็นคนสร้างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนขึ้นมาเอง

ขณะที่ พงศกร อรรณนพพร ประธานคณะกรรมการบริหารพื้นที่ กล่าวว่า อย่างไรก็ตามพรรคไทยสร้างไทยพร้อมที่จะส่ง ส.ส.ลงเลือกตั้ง 350 เขตทั่วประเทศแน่นอน ไม่ว่ากติกาการเลือกตั้งจะเป็นอย่างไรก็ตาม และมั่นใจว่าประชาชนคงจะเลือกพรรคไทยสร้างไทยเพื่อแก้ปัญหาวิกฤติของประเทศในตอนนี้ 

ไทยสร้างไทย

สำหรับประเด็นการแก้ไขระบบการเลือกตั้งเป็นบัตรสองใบและการแบ่งเขตเลือกตั้งใหม่เป็น 400/100 
 
(1)  รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 ถูกออกแบบมาเพื่อสืบทอดอํานาจเผด็จการ โครงสร้างทางการเมืองที่ถูก วางไว้จึงมีปัญหาในทุกขั้นตอน ตั้งแต่กระบวนการเข้าสู่อํานาจทางการเมือง องค์กรที่ใช้อํานาจ วิธีการใช้อํานาจและการตรวจสอบ เป็นต้น ดังนั้น รัฐธรรมนูญฉบับ 2560 จึงควรได้รับการแก้ไข ทั้งฉบับเพื่อวางโครงสร้างใหม่ 
 
(2)  ส่วนจํานวน ส.ส. ที่ผ่านมามีความหลากหลายตามรัฐธรรมนูญ เช่น รัฐธรรมนูญ 40 กําหนด จํานวน ส.ส. เขต/บัญชีรายชื่อเป็น 400/100 รัฐธรรมนูญ 2550 กําหนดเป็น 375/125 และ รัฐธรรมนูญ 2560 กําหนดเป็น 350/150 การกลับไปใช้เขตเลือกตั้ง 400 เขตจึงเป็นการเปิดโอกาสให้มีการจัดเขตเลือกตั้งใหม่ ซึ่งถ้าองค์กรที่ดูแลเรื่องนี้ไม่เป็นกลางเพราะมาจากเผด็จการ ก็จะแบ่งเขตให้พวกตนได้เปรียบ และเมื่อไม่มีการกําหนดซึ่งคะแนนความนิยม (Popular vote) ที่ได้รับต้องสัมพันธ์กับที่นั่งที่จะพึงได้ ก็ แปลว่ารัฐธรรมนูญฉบับมีชัยที่ใช้บัตรเลือกตั้งใบเดียวเพื่อไม่ให้คะแนนเสียงที่พรรคการเมืองได้รับ แต่ไม่ได้ ส.ส. เขตไม่เสียไป เอาไปคํานวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อได้เพื่อความเป็นธรรม หลักการเหล่านี้ เพิ่งใช้ได้ครั้งเดียวก็ไม่เอาอีกแล้วหรือ และกลับไปใช้แบบรัฐธรรมนูญ 2540, 2550 ซึ่งคณะรัฐประหารบอกว่าไม่ดี 
 
(3)  เมื่อระบบการเลือกตั้งถูกมองว่าเป็นความได้เปรียบเสียเปรียบของพรรคการเมืองบางระบบถูก มองว่าเป็นประโยชน์กับพรรคใหญ่ บางระบบเป็นประโยชน์กับพรรคเล็ก จึงเกิดประเด็นโต้เถียง ในเรื่องนี้ขึ้นและจะนําไปสู่ความขัดแย้ง วิธีการแก้ปัญหาที่ดีจึงไม่ควรให้พรรคการเมืองที่เป็นผู้มี ส่วนได้เสียเป็นคนตัดสินใจ 
 
(4)  ทางออกที่ดีที่สุดในเรื่องนี้คือการคืนอํานาจให้ประชาชนไปจัดทําร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ซึ่งจะรวมถึงการออกแบบจํานวน ส.ส. และระบบการเลือกตั้งใหม่ที่ประชาชนเห็นว่าเหมาะสมอันจะ มีความเป็นธรรมและได้รับการยอมรับ เพราะเป็นการออกแบบและกําหนดมาจากเจ้าของอํานาจ คือประชาชน หากจะแก้ไขเพียงประเด็นวิธีการเลือกตั้งและจํานวน ส.ส. เพียงอย่างเดียว นอกจากประชาชนไม่ได้ประโยชน์ด้วยแล้ว ยังอาจจะทําให้พรรคใหญ่ที่ได้ประโยชน์ไปแล้วไม่สนับสนุนให้มีรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนทําให้ประชาชนเสียหาย ทุกพรรคจึงควรสนับสนุนการ แก้รัฐธรรมนูญแบบ ส.ส.ร. มากกว่าจะแยกไปทํารายประเด็น 
 
(5)  ก่อนหน้านี้พรรคร่วมฝ่ายค้านเคยเสนอญัตติขอแก้ไขระบบการเลือกตั้งเป็นแบบบัตรสองใบมาครั้งหนึ่งแล้ว โดยเสนอมารวม 5 ญัตติพร้อมกับการแก้ไขมาตรา 256 โดยการตั้ง ส.ส.ร. แต่ร่างแก้ไข อีก 4 ฉบับ ถูกพรรคฝ่ายรัฐบาลและ ส.ว. ลงมติไม่รับหลักการทั้งหมดยกเว้นร่างแก้ไขมาตรา 256 ขอตั้ง ส.ส.ร. ที่ผ่านการรับหลักการแต่ถูกโหวตคว่ำในวาระ 3 จึงไม่มีเหตุผลที่พรรคพลังประชารัฐ จะเสนอร่างญัตติของแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีบัตร 2 ใบ ที่ตัวเองเคยลงมติไม่รับหลักการมาแล้ว อีกครั้ง ควรนําเรื่องนี้ไปให้ประชาชนพิจารณามากกว่า

ไทยสร้างไทย