'ฉัตรชัย พรหมเลิศ' ปลัดกระทรวงมหาดไทย (มท.) แถลงชี้แจงผ่านสื่อไทย หลังมีการเผยแพร่เอกสารของ ศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด กระทรวงมหาดไทย (ศบค.มท.) ในเครือข่ายสื่อสังคมออนไลน์ เมื่อ 19 มิ.ย. บ่งชี้ว่า ศบค.มท.มีเอกสารให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) และอีก 76 จังหวัดทั่วประเทศ "พิจารณาสนับสนุน" วัคซีนป้องกันโควิด-19 ให้พนักงานและครอบครัวของบริษัท ไทยเบฟเบเวอเรจ จำกัด (มหาชน) หรือ 'ไทยเบฟ' รวมกว่า 7 หมื่นคน จนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในสื่อออนไลน์
เนื้อหาในเอกสารต้นเรื่องที่ถูกวิพากษ์วิจารณ์ลงวันที่ 17 มิ.ย.2564 ระบุว่า ไทยเบฟ "เป็นภาคเอกชนที่มีภารกิจและโครงสร้างการดำเนินงานในภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศ" จึงขอให้ กทม.และจังหวัดอื่นๆ พิจารณาให้การสนับสนุนวัคซีนป้องกันโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ตามหลักเกณฑ์และแนวทางปฏิบัติที่มี พร้อมย้ำว่า ศบค.มท.ได้แจ้งให้กระทรวงสาธารณสุข "พิจารณาสนับสนุนวัคซีนให้บริษัทแล้ว"
ปลัดมหาดไทยสั่งด่วน ให้ผู้ว่าฯทั่วประเทศ สนับสนุน #วัคซีนโควิด ให้พนักงานไทยเบฟ และครอบครัว ที่ขอรับการสนับสนุน รวม 71,445 คน ใน 76 จังหวัดทั่วประเทศ#โควิดวันนี้ #โควิด19 pic.twitter.com/r1DjSZ5CTB
— ข่าวสด (@KhaosodOnline) June 19, 2021
ด้วยเหตุนี้ ผู้ใช้ทวิตเตอร์ที่ติดแฮชแท็ก #ไทยเบฟ จึงพากันตั้งคำถามว่าเพราะเหตุใดบริษัทมหาชนที่สร้างรายได้ต่อปีเป็นจำนวนมหาศาลจึงต้องขอความอนุเคราะห์เรื่องวัคซีน ในเมื่อราชวิทยาลัยจุฬาภรณ์ (รจภ.) ได้จัดหาวัคซีนซิโนฟาร์มเพื่อจัดสรรให้แก่บริษัทที่มีกำลังซื้อ 'วัคซีนทางเลือก' เพื่อไปฉีดให้แก่พนักงานในความดูแลของตัวเอง
กรณีนี้ ปลัด มท.ชี้แจงว่า ทุกบริษัทหรือองค์กรเอกชนมีสิทธิขอให้ภาครัฐจัดหาวัคซีนไปฉีดให้แก่บุคลากรเพื่อลดความเสี่ยงในการเป็นคลัสเตอร์และติดเชื้อแพร่ระบาดได้ และที่ผ่านมาก็มีทั้งส่วนราชการ เอกชน สมาคม รวมถึงสภาอุตสาหกรรมฯ ทำหนังสือผ่านทั้งสำนักเลขา ศบค. คณะกรรมการโรคติดต่อจังหวัด กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงมหาดไทย ขอให้จัดหาวัคซีนไปฉีดให้บุคลากร
ปลัด มท.ยืนยันว่า กรณีขอความร่วมมือ กทม.และจังหวัดอื่นๆ พิจารณาจัดหาวัคซีนให้กับพนักงานและครอบครัวของพนักงานบริษัทไทยเบฟ "เป็นไปตามแนวทางของคณะกรรมการโรคติดต่อแห่งชาติ ในเรื่องการจัดหาวัคซีนปูพรมทั่วประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงและระบาด" และ "ขอให้ประชาชนมั่นใจในการดำเนินการจัดสรรวัคซีนของคณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ และ ศบค.ภายใต้มาตรฐานเดียวกัน ไม่มีเลือกปฏิบัติเพราะการฉีดวัคซีนเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องดำเนินการให้ครอบคลุมรวดเร็วมากที่สุด"
จากกรณี #ไทยเบฟ ประชาชนมี..
— CaptanA.TH (@CaptanaTh) June 19, 2021
- ข้อกังขาว่าทำไมต้องเป็นบริษัทนี้
- ความสงสัยว่าอาชีพอื่น เช่น ไรเดอร์ ขนส่ง ไปรษณีย์เค้ามีความเสียงน้อยกว่าเช่นนั้นหรือ
- ความรู้สึกว่าไม่เท่าเทียมในการเข้าถึงวัคซีน
- ความรู้สึกตอกย้ำถึงความไม่เสมอภาคในสังคม
- นี่อาจเป็นเรื่องน้ำผึ้งหยดเดียว
อย่างไรก็ตาม เทรนด์ยอดนิยมในทวิตเตอร์ของไทยช่วงเช้า 20 มิ.ย. มีคำว่า #ไทยเบฟ ติดอันดับหนึ่ง โดยผู้ติดแฮชเท็กส่วนใหญ่สงสัยว่าประชาชนที่ถูกเลื่อนฉีดวัคซีนเมื่อวันที่ 14-17 มิ.ย.ที่ผ่านมา ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงเช่นกัน เพราะหลายคนที่ถูกเลื่อนเป็นผู้สูงอายุหรือผู้ประกอบอาชีพไรเดอร์หรือรับจ้างอื่นๆ ที่ต้องออกไปทำงานพบปะผู้คนจำนวนมากในแต่ละวัน แต่กลับไม่มีคำสั่งจาก ศบค.มท.อย่างเป็นลายสักษณ์อักษรให้มีการจัดหาวัคซีน ทั้งยังไม่มีการยืนยันว่าได้แจ้งกระทรวงสาธารณสุขให้พิจารณาสนับสนุนวัคซีนแบบที่ปรากฏในหนังสือที่เกี่ยวข้องกับไทยเบฟ จึงมีคำถามว่าเป็นการปฏิบัติตามมาตรฐานเดียวกันจริงหรือ
ขออนุญาตนะคะ เราได้อ่านแล้วและเข้าใจได้ แต่เมื่อเรามองสถานการณ์รอบตัว ผลปรากฏว่า เอกชนที่ร้องขอก่อนหน้านี่ ถูกเลื่อนไม่มีกำหนด หมอพร้อมที่ประชาชนใช้เน็ตที่ตัวเองมี ลงทะเบียน เลื่อนไม่มีกำหนด ผู้เฒ่า ประชาชนที่ไปจองกับทางโรงพยาบาลถูกเลื่อนไปอีก 1 เดือน =เห็นอะไรกันไหมคะ?#ไทยเบฟ https://t.co/IyR1c4ZZ54
— CREAM? (@tccream) June 20, 2021
ส่วนกรณีที่ผู้ลงทะเบียนฉีดวัคซีนหมอพร้อมที่เคยถูกเลื่อนช่วงกลางเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา เริ่มมีการส่ง SMS จากโรงพยาบาลที่เป็นจุดบริการฉีดวัคซีน แจ้งเตือนให้ผู้ลงทะเบียนเตรียมไปรับวัคซีนตามกำหนดการอีกครั้ง โดยให้ผู้ลงทะเบียนตรวจสอบวันเวลาที่แอปหมอพร้อม เพราะโรงพยาบาลในเขตกรุงเทพมหานครได้รับจัดสรรวัคซีนมาแล้ว 4.5 แสนโดส