Skip to main content

สรุป

  • สหประชาชาติเปิดเผยว่า มูลค่าการลักลอบค้าขายยาเสพติดในแถบเอเชียแปซิฟิกในปีนี้ (64) เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 30,300 - 61,400 ล้านดอลลาร์ (ราว 931,000 - 1,900,000 ล้านบาท) โดยที่การระบาดของโควิด-19 ไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตและขนส่งยาเสพติดแม้แต่น้อย
  • บรรดาขบวนการค้ายาเสพติดได้สร้างฐานการผลิตใหม่และใช้การขนส่งทางทะเลเพื่อแจกจ่ายยาไอซ์ไปทั่วภูมิภาคนี้ ทำให้ตลาดยาเสพติดในเอเชียมีขนาดพอๆ กับตลาดยาเสพติดในอเมริกาเหนือ
  • ขบวนการขนส่งยาเสพติดข้ามชาติใช้การขนส่งทางลทะเลเป็นหลัก แทนการขนส่งทางบกและทางอากาศเหมือนแต่ก่อน

สหประชาชาติเปิดเผยว่า มูลค่าการลักลอบค้าขายยาเสพติดในแถบเอเชียแปซิฟิกในปีนี้เพิ่มขึ้นอยู่ที่ระดับ 30,300 - 61,400 ล้านดอลลาร์ (ราว 931,000 - 1,900,000 บาท)  และบรรดาขบวนการค้ายาเสพติดได้สร้างฐานการผลิตใหม่และใช้การขนส่งทางทะเลเพื่อแจกจ่ายเมทแอมเฟตามีน (ยาไอซ์) ไปทั่วภูมิภาคนี้

โดยวีโอเอไทย รายงานว่า สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ หรือ UNODC รายงานว่า การจับกุม 'ยาบ้า' และ 'ยาไอซ์' เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงการระบาดของโควิด-19 แม้รัฐบาลประเทศต่างๆ ปิดพรมแดน จำกัดการเดินทางทางอากาศ และใช้มาตรการล็อกดาวน์ตามแหล่งซื้อขายยาเสพติด

UNODC ระบุว่า เจ้าหน้าที่ทั่วเอเชียสามารถจับกุมเมทแอมเฟตามีน หรือ ยาไอซ์ได้ 170 ตันเมื่อปีที่แล้ว (63) ซึ่งมากสุดเป็นสถิติใหม่ เพิ่มขึ้นเกือบ 20% จากปี 2562 และทำให้ตลาดยาเสพติดในเอเชียมีขนาดพอๆ กับตลาดยาเสพติดในอเมริกาเหนือแล้ว

เจ้าหน้าที่ของ UNODC ยังบอกด้วยว่า การจับกุมที่เพิ่มขึ้นนี้แสดงให้เห็นว่า การระบาดของโควิด-19 แทบไม่ส่งผลกระทบต่อการผลิตและขนส่งยาเสพติดขององค์กรอาชญากรรมต่างๆ และรายงานยังบอกด้วยว่า ขณะนี้ขบวนการค้ายาเสพติดข้ามชาติได้ใช้การขนส่งทางทะเลเป็นเส้นทางหลักในการลำเลียงยาเสพติด แทนการขนส่งทางบกและทางอากาศเหมือนในอดีต โดยเริ่มจากเมียนมาผ่านทะเลอันดามันไปยังมาเลเซีย รวมทั้งการตรวจพบยาไอซ์หลายตันซุกซ่อนอยู่ในตู้สินค้าจากท่าเรือในประเทศไทย ที่กำลังส่งไปยังออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ และฮ่องกง

เจเรมี ดักกลาส ผู้แทนของ UNODC ประจำเอเชียแปซิฟิก กล่าวว่า การจับกุมยาไอซ์ดังกล่าวนำไปสู่การเปิดโปงวิธีลักลอบขนส่งยาเลพติดข้ามชาติด้วยการใช้ 'เรือแม่' เป็นเสมือนโกดังลอยน้ำเพื่อกักเก็บยาไอซ์จำนวนมากกลางทะเล และรอให้เรือที่เล็กกว่ามารับยาไอซ์ขึ้นฝั่งเพื่อนำไปแจกจ่ายต่อไป โดยเรือแม่ลำใหญ่นั้นจะมีการเปลี่ยนธงและเปลี่ยนชื่อเรืออยู่เป็นประจำเพื่อเลี่ยงการถูกจับกุม

ในขณะเดียวกัน การบุกทลายแหล่งผลิตยาบ้าหลายแห่งในกัมพูชา ทำให้เจ้าหน้าที่ทราบถึงความสามารถของขบวนการค้ายาเสพติดต่างๆ ในการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตไกลจากแหล่งวัตถุดิบบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ การกระจายแหล่งผลิตขนาดย่อมเหล่านี้ยังทำให้สามารถผลิตได้เป็นจำนวนมากขึ้น ส่งผลให้ราคายาบ้าและยาไอซ์ลดต่ำลงเป็นประวัติการณ์อีกด้วย

รายงานของ UNODC ชี้ว่า ปัจจุบัน ราคาเมตแอมเฟตามีน 1 กิโลกรัมขายในกัมพูชาประมาณ 10,000 ดอลลาร์ หรือราว 320,000 บาท และขายในไทยราว 8,000 ดอลลาร์ หรือราว 250,000 บาท ทำให้เกิดการทุ่มตลาดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้