ตำรวจฮ่องกงแถลงข่าวเมื่อ 30 พ.ค.ที่ผ่านมาว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและศุลกากรประสานกำลังกันตรวจค้นเรือขนสินค้าจากไทย และยึดเฮโรอินได้กว่า 23.5 กิโลกรัม มูลค่าราว 906 ล้านบาท เมื่อวันที่ 27 พ.ค. โดยเฮโรอีนถูกซ่อนอยู่ในเครื่องกรองน้ำและเครื่องชงกาแฟ แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจและศุลกากรฮ่องกงตรวจสอบภายในเรือสินค้าอย่างละเอียด นำไปสู่การจับกุมชายผู้ต้องสงสัย 2 รายที่เกี่ยวข้องกับของกลางทั้งหมด
จากกรณีดังกล่าว ทำให้ตำรวจไทยแถลงข่าววันนี้ (31 พ.ค.) โดย พล.ต.ท.มนตรี ยิ้มแย้ม ผู้บัญชาการตำรวจปราบปรามยาเสพติด ระบุว่าได้ประสานขอข้อมูลผลการจับกุมจากทางการฮ่องกงแล้วจะนำมาเปรียบเทียบกับคดีที่ตำรวจปราบปรามยาเสพติดของไทยเคยจับกุมว่าใกล้เคียงหรือเชื่อมโยงกับคดีใด จากนั้นก็จะนำข้อมูลไปขยายผลจับกุมผู้ร่วมขบวนการที่อยู่ในฝั่งไทยทั้งหมด เบื้องต้นทราบว่าผู้ที่ถูกจับกุมเป็นคนสัญชาติจีนทั้ง 2 คน ที่คาดว่าจะเชื่อมโยงกับกรณีการจับกุมไอซ์ล็อตใหญ่ไปเมื่อ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา
ส่วนความคืบหน้าที่ทางการออสเตรเลียจับกุมยาเสพติดซุกซ่อนในเครื่องใช้ไฟฟ้า (เตาบาร์บีคิวและเครื่องทำความร้อน) เมื่อ 4 พ.ค.ที่ผ่านมา ยืนยันว่าคดีนี้ตำรวจทราบตัวผู้ที่เกี่ยวข้องเกือบทั้งหมดแล้ว เหลือเพียงรอผลการตรวจยาเสพติดที่เป็นความร่วมมือระหว่างประเทศจะส่งผลอย่างเป็นทางการมาให้ จากนั้นจะใช้พิจารณาร่วมกับพยานหลักฐานที่มีว่าเพียงพอต่อการออกหมายเรียก หรือหมายจับผู้ต้องสงสัยมาดำเนินคดีหรือไม่
ทั้งนี้ คดียาเสพติดที่เกี่ยวพันกับยาเสพติดจากไทยที่ส่งไปยังปลายทางในประเทศต่างๆ เกิดขึ้นหลายคดีในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยต้นเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา ‘เจเรมี ดักลาส’ ผู้เชี่ยวชาญด้านเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ประจำสำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ให้สัมภาษณ์กับ CNN ว่ากลุ่มค้ายาเสพติดข้ามชาติที่มีแหล่งผลิตในสามเหลี่ยมทองคำซึ่งเชื่อมต่อระหว่างไทย เมียนมา และลาว เป็นกลุ่มที่มีความเชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมยาเสพติด ทั้งยังเป็นนักแก้ปัญหาเฉพาะหน้า ทำให้เจ้าหน้าที่หน่วยปราบปรามยาเสพติดตามรอยสกัดยาเสพติดได้ลำบาก เพราะเครือข่ายค้ายาใช้วิธีนำเข้าสารตั้งต้นที่แตกต่างกันไปเพื่อนำมาใช้ผลิตยาเสพติด จึงสามารถหลีกเลี่ยงการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ได้
โควิดปิดพรมแดนทำ 'ของขาด' ราคายาเสพติดยิ่งพุ่งที่ปลายทาง
ดักลาสระบุว่า กลุ่มค้ายาเสพติดเหล่านี้มีเครือข่ายข้ามชาติ เท่าที่พบหลักฐานเชื่อมโยงมีกลุ่มผลิตและลำเลียงยาในจีนและประเทศแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงไทย และมีปลายทางที่ออสเตรเลีย แต่การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้หลายประเทศปิดพรมแดน ระงับจำนวนเที่ยวบิน จนกระทบการลำเลียงยาเสพติดข้ามชาติ ประเทศรอบสามเหลี่ยมทองคำจึงเผชิญกับปัญหายาเสพติดแพร่ระบาดไปพร้อมๆ กับโรคโควิด เพราะเดิมสินค้าที่ควรจะส่งไปยังปลายทางต่างทวีปเหลือตกค้างในแหล่งผลิตเป็นจำนวนมากกว่าปกติ แต่ขณะเดียวกันก็ทำให้ยาเสพติดในประเทศปลายทาง เช่น ออสเตรเลียมีราคาแพงและเป็นที่ต้องการมากขึ้นเพราะ ‘ของขาด’
ส่วนยาเสพติดที่ส่งออกจากไทยไปยังต่างประเทศและมีมูลค่าหลายล้านบาท ถูกซุกซ่อนในสินค้าหลายประเภท โดยก่อนเกิดเหตุยึดเฮโรอีนที่ฮ่องกง มีกรณีที่ตำรวจออสเตรเลียพบเรือสินค้าไทยบรรทุกเตาบาร์บีคิวและเครื่องทำความร้อนซุกซ่อนยาไอซ์เมื่อวันที่ 4 พ.ค. และเดือน ก.ย.ปีที่แล้ว ตำรวจและศุลกากรออสเตรเลียพบยาไอซ์เหลวถูกซุกซ่อนในกะทิกระป๋องจำนวนมาก จนเจ้าของแบรนด์กะทิที่ถูกยัดยาเสพติดต้องออกมาแถลงข่าวว่าไม่มีส่วนเกี่ยวของกับคดีดังกล่าว แต่ผลิตภัณฑ์ของเขาถูกเครือข่ายยาเสพติดนำไปปลอมแปลงซุกซ่อนสินค้า และเมื่อเดือน ธ.ค.2562 ตำรวจออสเตรเลียพบเฮโรอีนจากไทยถูกซุกซ่อนในลำโพงสเตอรีโอ
นอกจากนี้ยังพบกรณีสามีชาวออสเตรเลียและภรรยาไทย ถูกตัดสินประหารชีวิตเมื่อเดือน พ.ย.2561 เพราะขนยาไอซ์เข้าประเทศไทยราวครึ่งตัน มูลค่าราว 6,480 ล้านบาท แต่ถูกจับกุมได้ขณะอยู่ที่สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อเดือน ธ.ค.2560 โดย The Insider สื่อต่างประเทศ รายงานว่าสามีชาวออสเตรเลียที่เป็นผู้ก่อเหตุรายใหญ่ คือ ‘ลุค โจชัว คุก’ ชาวออสเตรเลีย วัย 35 ปี ซึ่งเป็นสมาชิกแก๊งไบค์เกอร์ ‘เฮลส์ แอนเจิลส์’ เครือข่ายอาชญากรรมขนาดใหญ่ของออสเตรเลีย
ส่วนกรณี ‘ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า’ รมช.กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งถูกจับกุมที่ออสเตรเลียเมื่อเดือน เม.ย.2536 เพราะเกี่ยวพันการนำเข้าเฮโรอีน 3.5 กิโลกรัม โดยผู้ถูกจับกุมพร้อม ร.อ.ธรรมนัส ซุกซ่อนยาเสพติดในกระเป๋าเดินทาง และตำรวจติดตามไปจับกุมได้หลังจากผู้ลำเลียงสินค้าเดินทางเข้าประเทศออสเตรเลียแล้ว ซึ่งคดีนี้ ร.อ.ธรรมนัส ได้ยืนยันกับที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรในระหว่างการอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า “มันคือแป้ง” และศาลรัฐธรรมนูญของไทยวินิจฉัยว่าคดีความที่เกิดขึ้นในออสเตรเลียไม่มีผลต่อการดำรงตำแหน่งของ ร.อ.ธรรมนัส ในปัจจุบัน