Skip to main content

การระบาดระลอกที่ 3 ของโควิด-19 ก่อให้เกิดทั้งวิกฤตสาธารณสุข เศรษฐกิจ และศรัทธา ทำให้คนไทยจำนวนไม่น้อยรู้สึกท้อแท้ สิ้นหวัง ที่สำคัญที่สุดคือขาดความเชื่อมั่น (Trust) ในนโยบาย มาตรการ และกระบวนการแก้ปัญหาของรัฐบาล และขาดความไว้วางใจ (Confidence) ทั้งต่อตัวนายกรัฐมนตรีและต่อรัฐบาลในการนำพาประเทศฝ่าฟันวิกฤต เพื่อก้าวไปสู่อนาคตที่ดี 

พรรคไทยสร้างไทยเห็นว่าประเทศไทยจะต้องเผชิญกับช่วงเวลาต่างๆ ซึ่งต้องมีนโยบาย มาตรการ กระบวนการ และทิศทางที่ชัดเจนดังต่อไปนี้

• ระยะที่ 1 การแก้ปัญหาการระบาดของโควิด-19 อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นการเร่งตรวจเชื้อ เร่งฉีดวัคซีน การดูแลบุคลากรด้านสาธารณสุขอย่างดีที่สุดเสมือนหนึ่งนักรบที่อยู่ในสงคราม เบี้ยเสี่ยงภัยต้องรีบจ่ายให้ครบ ให้ค่าเสี่ยงภัยเป็นพิเศษแก่อาสาสมัครประชาชน รวมถึงการเพิ่มอายุราชการทวีคูณให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง มิใช่ให้เฉพาะแต่ทหาร เพราะการประกาศกฎอัยการศึกของคณะรัฐประหารหรือการใช้อำนาจพิเศษของคณะรัฐประหารทั้งๆ ที่ไม่มีสงครามใดๆ

ขณะเดียวกันก็ต้องมีมาตรการเยียวยาที่เหมาะสม มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการทั้งหลาย โดยเฉพาะคนตัวเล็ก สามารถดำรงชีวิตอยู่ได้และพร้อมที่จะทำมาหากินต่อไป ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าใช้จ่าย เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟ การผ่อนระยะเวลาชำระหนี้ออกไป เช่น ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ การผ่อนชำระหนี้เงินกู้และดอกเบี้ยเพื่อการประกอบกิจการ การช่วยเหลือค่าใช้จ่ายที่จำเป็นอื่นๆ ฯลฯ อย่างน้อย 6 เดือน

• ระยะที่ 2 การเสริมสร้างความเข้มแข็งและความพร้อมของประชาชน เกษตรกร และผู้ประกอบการ ในการทำมาหากินอย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืนต่อไป ด้วยการช่วยเหลือต่อเนื่องจากระยะที่ 1 ไปอีกอย่างน้อย 1 ปี และเพิ่มมาตรการในเรื่องการเข้าถึงแหล่งเงินทุนปลอดดอกเบี้ยในช่วง 1 ปี แรก โดยให้กระทรวงการคลังหรือบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ค้ำประกัน ด้วยขั้นตอนที่เรียบง่าย สะดวก รวดเร็ว รวมถึงการพักชำระหนี้เป็นเวลาประมาณ 18 เดือน โดยคิดดอกเบี้ย 50% ของอัตราที่ชำระเดิม และที่สำคัญอีกประการหนึ่งคือ การพักชั่วคราวการขอใบอนุญาตประกอบกิจการต่างๆ ที่ไม่เป็นอันตรายร้ายแรงหรือเป็นมาตรฐานวิชาชีพ เพื่อให้ประชาชนสามารถเริ่มทำมาหากินได้ทันที ไม่ต้องรอการอนุญาตก่อน

• ระยะที่ 3 กำหนดทิศทางอนาคตประเทศไทยว่าจะเป็นประเทศที่แข็งแกร่งในเรื่องอะไร ซึ่งพรรคไทยสร้างไทยเห็นว่าต้องแข็งแกร่งใน 3 ด้าน คือ อาหาร สุขภาพ และการท่องเที่ยวเพราะประเทศไทยมีพื้นฐานที่ดีมาก และทั้ง 3 ด้าน ยังเชื่อมโยงทั้งเอื้อซึ่งกันและกัน โดยตั้งเป้าหมายว่าไทยจะเป็นศูนย์กลางอาหารของโลกตั้งแต่วัตถุดิบจนถึงอาหารจากครัว (Cuisine) ไทยจะเป็นศูนย์กลางการดูแลสุขภาพของโลก (Medical and Wellness Hub) และไทยจะเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวทั้งโลก โดยระยะสั้น 1-2 ปีนี้ จะเป็นหลุมหลบภัยโควิด-19 ทั้งหมดนี้ เพื่อทำให้ไทยเป็น “ศูนย์กลางถิ่นพำนักระยะยาวของโลก” (World Residence Hub) ต่อไป