อลงกรณ์ พลบุตร รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ย้ำทุกพรรคการเมืองควรเคารพเสียงของประชาชน โหวตเลือก 'พิธา' เป็นนายกรัฐมนตรี เปลี่ยนผ่านรัฐบาลราบรื่นและรวดเร็ว
อลงกรณ์ โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กส่วนตัวระบุ เมื่อประชาชนกว่า14ล้านคนเลือกพรรคก้าวไกลเป็นอันดับ1ของประเทศทั้ง ส.ส.แบบเขตเลือกตั้งและ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ต้องเคารพเสียงของประชาชนด้วยการลงมติสนับสนุน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรีโดยไม่มีเงื่อนไขร่วมรัฐบาล หากพรรคก้าวไกลสามารถรวมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรได้สำเร็จ
ข้อความในเฟซบุ๊กระบุว่า ถึงเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์จะต้องช่วยผ่าทางตันที่อาจเกิดขึ้นในการเลือกนายกรัฐมนตรีที่ต้องใช้เสียงสนับสนุนจากสมาชิกรัฐสภาอย่างน้อย 376เสียง เพื่อให้การเปลี่ยนผ่านรัฐบาลเป็นไปอย่างราบรื่นและรวดเร็วตามเจตนารมณ์ของประชาชนในการเลือกตั้งที่ผ่านมา
อลงกรณ์ โพสต์ข้อความสเตตัสบนเฟซบุ๊กก่อนหน้าว่า ประเทศไทยถึงจุดเปลี่ยนสำคัญที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์การเมืองไทย และเชื่อมั่นว่า พรรคก้าวไกลจะสร้างการเปลี่ยนแปลงปฏิรูปประเทศสู่อนาคตที่ดีกว่าปัจจุบัน
อลงกรณ์ระบุว่า “ผมเชื่อว่า นักการเมืองทุกคนไม่ว่าสังกัดพรรคใด คงยอมรับว่า พรรคก้าวไกลเป็นพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งด้วยวิสัยทัศน์ นโยบายและความเป็นผู้นำของคุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล โดยไม่มีการซื้อเสียง เป็นชัยชนะที่ขาวสะอาด”
“ผมหวังว่า ทุกพรรคการเมืองและสมาชิกวุฒิสภาจะเคารพเสียงของประชาชน และเปิดโอกาสให้พรรคก้าวไกลสามารถจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศและคุณพิธาได้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 นำประเทศก้าวข้ามความล้าหลังความยากจนและความแตกแยกขัดแย้ง เดินหน้าปฏิรูปประเทศสร้างศักยภาพใหม่ประเทศไทยให้สำเร็จ”
ทั้งนี้ อลงกรณ์กล่าวว่า จะเสนอแนวทางนี้ต่อที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคชุดรักษาการซึ่งจะมีการประชุมในสัปดาห์หน้า รวมทั้งแกนนำและสมาชิกพรรคทั่วทั้งประเทศ และพร้อมทำหน้าที่ฝ่ายค้านเพื่อตรวจสอบถ่วงดุลการทำงานของรัฐบาลพรรคก้าวไกลโดยยึดหลักการ 3 ข้อ ได้แก่ ยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ประชาธิปไตยสุจริต และประชาธิปไตยอิ่มท้องแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชน