นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีนายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาคณะกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นหนังสือถึงคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เพื่อให้พิจารณายุบพรรคเพื่อไทย หลัง แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยลงรูปคู่ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีที่อาจเข้าข่ายผิดกฎหมายพรรคการเมืองว่า เป็นสิทธิที่สามารถทำได้ แต่พรรคการเมืองมีกฎหมายคุ้มครอง ในกรณีถูกร้องหรือกล่าวหา ทำให้พรรคการเมืองเสียหายโดยไม่มีข้อเท็จจริง บุคคลนั้นก็จะต้องถูกดำเนินคดี ซึ่งมีโทษจำคุก 5 ปีหรือตัดสิทธิ์ทางการเมือง 20 ปี
“เป็นหน้าที่ของกกต. ซึ่งต้องไปดูเหตุที่นายสนธิญากล่าวอ้าง เพื่อแสวงหาข้อเท็จจริง แต่พรรคเพื่อไทยมั่นใจ คำว่าครอบงำและชี้นำ ระบุชัดในนิยาม พรรคจึงไม่กังวล จะพิจารณาทางกฎหมายในเรื่องนี้ และอาจมีตัวแทน หรือคนที่เห็น ว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้รับความเป็นธรรม ไปร้องกลับนายสนธิญา ตามมาตรา 101 ของกฎหมายพรคการเมือง ที่ห้ามร้องใส่ร้าย เพราะหากพรรคเพื่อไทยไม่ปกป้องตนเองก็จะเกิดความวุ่นวายในภายหลังได้ เพราะหลายคนใช้เทคนิคและแทคติกทางกฎหมาย เลี่ยงจากผู้ร้องเป็นผู้ยื่นตรวจสอบแต่ผลการกระทำเท่ากัน แต่ในคำร้องนั้นก็มีข้อกล่าวหา ก็ต้อง ไปตีความทางกฎหมาย ว่าเป็นผู้ร้องหรือผู้ตรวจสอบ” หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าว
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ไม่กังวลว่าเรื่องนี้จะมีผลกระทบต่อคะแนนเสียงพรรคเพื่อไทยในช่วงใกล้เลือกตั้ง เพราะคนที่กล่าวหามีแนวทาง และวิธีการที่เตรียมไว้อยู่แล้ว จึงเป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทยที่ต้องระมัดระวังชี้แจงและตอบโต้ แต่หากมองมุมกลับ ก็ทำให้ประชาชนจดจำพรรคเพื่อไทยมากขึ้น และคำว่าเพื่อไทยแลนด์สไลด์ จะติดหูประชาชนจากวิกฤติจะพลิกเป็นโอกาสได้ ดังนั้นอาจเข้าทางพรรคเพื่อไทย ที่มีคนช่วยโฆษณาให้
หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ชี้แจงกรณีที่มีป้ายรณรงค์หาเสียงของพรรคเพื่อไทยติดตามสถานที่ต่าง ๆ ว่า ตอนนี้ได้มอบนโยบายให้ว่าที่ผู้สมัคร ทั้ง 400 เขต นำป้ายนโยบายของพรรคเพื่อไทยไปติดเผยแพร่ตามที่ต่าง ๆ ซึ่งเป็นนโยบายที่น.ส.แพทองธารเปิดไป 10 เรื่อง แต่จะมี 7-8 เรื่องที่จะนำมาเป็นนโยบายหาเสียง ซึ่งเรื่องป้าย เป็นไปตามกรอบ 180 วัน โดยนำมาคิดเป็นค่าใช้จ่าย ส่วนจะมองว่าพรรคเพื่อไทยเริ่มหาเสียงเร็วหรือไม่ แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน แต่ส่วนตัวมองว่าบางเรื่องพรรคเพื่อไทยยังช้ากว่าพรรคอื่น