สุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ชี้แจงถึงนโยบายพรรคเพื่อไทยขึ้นค่าแรง 600 บาท เงินเดือนปริญญาตรี 25,000 บาท หลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าจะทำให้ระบบเศรษฐกิจพัง โดยยืนยันว่า พรรคเพื่อไทยได้ศึกษารายละเอียดและประเมิน อัตราการขึ้นค่าแรงต่อเนื่องทุกปี จนไปถึงปี 2570 ซึ่งเราจะปล่อยให้คนอยู่กับรายได้ต่ำแบบนี้ไม่ได้ และที่นายกรัฐมนตรี ถามว่าจะเอาเงินมาจากไหน ซึ่งท่านเข้าใจผิดว่ารัฐต้องควักเงิน จริงๆ รัฐไม่ได้ควักเงิน แต่คนที่ควักเงินคือนายจ้าง ซึ่งรัฐบาลพรรคเพื่อไทยก็คิดว่าเราจะช่วยเฉพาะลูกจ้างอย่างเดียวไม่ได้ เราต้องช่วยนายจ้างให้อยู่ได้ด้วย โดยนายจ้างต้องมีรายได้สูงขึ้น พรรคเพื่อไทยก็ต้องช่วยให้นายจ้างมีรายได้สูงขึ้น โดยต้องทำให้เศรษฐกิจโตขึ้น หรืออาจจะเป็นระบบภาษี การเซ็นข้อตกลงเขตการค้าเสรีให้เยอะ เมื่อเยอะขึ้นคนลงทุนเขาก็ไม่ต้องจ่ายภาษีส่งออก
สุทิน กล่าวอีกว่า มีคนห่วงว่าเมื่อค่าแรงสูงสินค้าก็จะมีราคาแพง หากว่ากันตามหลักทฤษฎีค่าแรงเป็นเพียงแค่ 10% ของการผลิต ซึ่งที่มีการขึ้นสูงเป็นสิ่งที่รัฐควบคุมไม่ได้ เป็นการฉวยโอกาส เราจะอ้างตรงนี้ไม่ได้ การขึ้นค่าแรงขั้นต่ำเป็นความจำเป็น แต่ยืนยันว่าพรรคต้องช่วยทุกคน ไม่ต้องกังวล และที่มีคนคิดว่าหากเป็นแบบนี้ผู้ประกอบการจะย้ายฐานผลิตเยอะขึ้น ซึ่งการย้ายฐานผลิตนั้นมีหลายปัจจัยไม่ใช่แค่ค่าแรง ที่ผ่านมา 8 ปีไม่ได้ขึ้นค่าแรงเลยทำไมเขาย้ายฐานผลิต ฉะนั้น หากรัฐบาลคิดครบวงจรก็สามารถขึ้นค่าแรงขั้นต่ำได้ ส่วนมั่นใจว่านโยบายนี้จะสามารถทำให้สำเร็จได้ใช่หรือไม่
สุทิน กล่าวว่า ทำได้ พรรคเพื่อไทยบอกว่าเมื่อก่อนเรื่องยากๆ เราก็ทำมาแล้ว เราเคยทำค่าแรงขั้นต่ำจาก 215 บาท เป็น 300 บาท และไม่มีใครเจ๊งด้วย ตอนนี้เราก็วิเคราะห์แล้วจากปี 2565 จนถึงปี 2570 แล้วเราสร้างเศรษฐกิจใหม่ ที่รัฐบาลนี้ทำไม่ได้เพราะเราคิดรายได้เดิม ธุรกิจเดิม แต่ที่ พท.คิดคือเราสร้างเศรษฐกิจใหม่ รายได้ใหม่ ซึ่งจะเป็นเศรษฐกิจใหม่ที่อยู่ได้และโต้คลื่นความเปลี่ยนแปลงและแก้วิกฤตต่างๆ ได้