ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกรณีบริษัทผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปหลายยี่ห้อของไทยพร้อมใจกันเตรียมปรับขึ้นราคาจาก 6 บาทไปเป็น 8 บาท หรือปรับขึ้นทีเดียวมากถึง 33% ว่าเป็นอีกสถานการณ์ที่สะท้อนความไร้ประสิทธิภาพในการบริหารเศรษฐกิจของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้อย่างชัดเจน เพราะภายใต้สถานการณ์วิกฤตที่ท้าทายความสามารถของผู้นำประเทศ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถเป็นที่พึ่งที่หวัง ปล่อยให้เกิดการปรับขึ้นราคาสินค้าและค่าครองชีพทุกรายการไม่ว่าจะเป็นสินค้าอุปโภคบริโภค ค่าไฟฟ้า หรือค่าเดินทาง จนประชาชนแบกรับไม่ไหว เพราะยังมีรายได้ตกต่ำ ไม่มีการปรับขึ้น ซ้ำร้ายกว่านั้นยังถดถอยลงในหลายๆ ธุรกิจด้วยซ้ำ การปรับขึ้นราคาของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เป็นดัชนีที่ชี้ให้เห็นว่า รัฐบาลหมดปัญญาในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนแล้ว ในทุกรัฐบาลที่ผ่านมาแม้จะเกิดปัญหาเศรษฐกิจมากขนาดไหน สินค้าประเภทบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป จะเป็นสินค้าที่ไม่ปรับราคา หรือปรับราคาน้อยที่สุด โดยเฉพาะ มาม่า-ไวไว ที่เป็นสินค้านำตลาด
ชนินทร์กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ต้องเลิกใช้สถานการณ์การระบาดของโควิด-19 และความขัดแย้งของต่างประเทศ เป็นข้ออ้างของความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้แล้ว เพราะเศรษฐกิจไทยไตรมาส 2 ของปี 2565 เติบโตเพียง 2.5% ซึ่งต่ำที่สุดในภูมิภาคอาเซียนที่เติบโต 3.4 - 8 % และต่ำกว่าที่หลายฝ่ายประเมินไว้ ขณะที่เงินเฟ้อพุ่งสูงสุดในรอบ 14 ปี ตอกย้ำภาวะเงินเฟ้อรุนแรงในปัจจุบัน จากแรงกดดันของภาคการผลิต (cost-push inflation) ค่าครองชีพที่สูงขึ้นเรื่อยๆ แต่รายได้ประชาชนโตตามไม่ทัน จนเกิดช่องว่างระหว่างรายได้กับรายจ่ายที่ห่างขึ้นเรื่อยๆ จนน่าเป็นห่วงว่าเศรษฐกิจจะเสี่ยงซึมยาว หรือพังทั้งระบบ จากเสือตัวที่ห้ากลายเป็นเต่าที่เดินตามใครไม่ทัน ทำได้เพียงคาดหวังให้สถานการณ์โลกดีขึ้นด้วยตัวเอง เพื่อให้มีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาเพิ่มขึ้น โดยไม่มีมาตรการดึงดูดนักท่องเที่ยว หรือการเดินหน้าเชิงรุกเจรจาเพื่อเปิดโอกาสหารายได้เข้าประเทศด้วยทางอื่นๆ เลย
“พล.อ.ประยุทธ์เก่งแต่กับประชาชน แต่สงบเสงี่ยมเจียมตัวกับนายทุนใหญ่ ปล่อยให้ขึ้นราคาสินค้าทุกอย่าง สวนทางกับค่าแรงประชาชน ยิ่งอยู่นานขึ้น คนไทยยิ่งจนลง หากบริหารมั่วๆ ซั่วๆ แบบนี้ต่อไป เศรษฐกิจไทยจะพังทั้งระบบ จนบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปห่อเดียว ชาวบ้านทั่วไปก็ซื้อทานไม่ไหว” ชนินทร์กล่าว