คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานพรรคไทยสร้างไทย พร้อมแกนนำพรรค โภคิน พลกุล, ต่อพงษ์ ไชยสาร พรรคไทยสร้างไทย และคณะ นำร่างพระราชบัญญัติ บำนาญแห่งชาติและสวัสดิการผู้สูงอายุ ยื่นต่อชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อริเริ่มในการเสนอร่างพระราชบัญญัติบำนาญแห่งชาติและสวัสดิการผู้สูงอายุ เพื่อให้สภาผู้แทนราษฎรพิจารณาตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย
คุณหญิงสุดารัตน์ระบุว่า โดยหลักการของพรรคไทยสร้างไทย คนไทยทุกคนจะต้องได้รับการดูแลให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี และมีศักดิ์ศรี ตั้งแต่เกิดจนแก่ พรรคไทยสร้างไทยได้เล็งเห็น ความจำเป็นในการดูแลผู้สูงวัยอย่างจริงจัง เพราะประเทศไทย เป็นประเทศกำลังพัฒนาประเทศแรกของโลก ที่ก้าวเข้าสู่สังคมสูงอายุแบบสมบูรณ์ (Aged Society) อย่างเต็มขั้นในปี 2565 และคาดว่าประเทศไทยจะขยับขึ้นเป็นสังคมสูงอายุแบบสุดยอด (Hyper Aged Society) หรือมีสัดส่วนประชากรผู้สูงอายุประมาณ 20% ในปี 2574 ซึ่งผู้สูงวัยของประเทศไทยส่วนใหญ่จะมีฐานะยากจนและมีสุขภาพไม่แข็งแรง
ดังนั้น พรรคไทยสร้างไทย จึงเสนอนโยบายบำนาญประชาชน เพื่อให้เป็นเครื่องมือเตรียมการรองรับสังคมสูงวัย โดยเราต้องดูแลผู้สูงวัยให้มีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิต รวมทั้งการสร้างสุขภาพให้แข็งแรง จะปล่อยให้ประเทศไทยมีแต่คนแก่ที่อ่อนแอ และยากจนอย่างในปัจจุบันไม่ได้ เพราะจะส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต และค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลของผู้สูงวัยทั้งของรัฐและครอบครัว ตลอดจนจะส่งผลกระทบต่อการพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศ เพราะคนทำงานหารายได้จะลดลง
จึงเป็นที่มาของการเดินหน้าขับเคลื่อนนโยบายบำนาญประชาชน 3,000 บาท และเงินดังกล่าว จะทำให้เกิดประโยชน์ถึง 4 ด้าน
1. ทำให้ผู้สูงวัยมีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ ที่จะสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตของตนเองได้ อยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี
2. นโยบายดังกล่าวจะมีโครงการในการส่งเสริมสุขภาพซึ่งจะช่วยลดค่ารักษาพยาบาลและประหยัดงบประมาณแผ่นดิน และผู้สูงวัยจะสามารถกลับไปทำงานได้
รวมทั้งจะมีโปรแกรมในการส่งเสริมศักยภาพในการทำงานให้กับผู้สูงวัย (Re skill / Up skill)
3. เป็นการลดภาระลูกหลาน โดยเฉพาะคนในวัยทำงาน ทำให้ลูกหลานสามารถตั้งตัวได้
4. เป็นการเพิ่มกำลังซื้ออย่างมโหฬาร ทำให้เกิดการฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก พร้อมสร้างความมั่นคงแข็งแรงให้กับเศรษฐกิจไทย จากเงินบำนาญประชาชนเดือนละ 3,000 บาทที่ผู้สูงอายุจะใช้ในการจับจ่ายใช้สอย เศรษฐกิจเกิดการหมุนเวียนอย่างมหาศาล เงินจากโครงการบำนาญประชาชนจะมาช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจประเทศ รวมถึงสามารถลดความเหลื่อมล้ำได้
ด้านโภคิน กล่าวถึงหลักการและเหตุผล โดยระบุว่านโยบายบำนาญประชาชน 3,000 บาทเป็นไปตามหลักการของรัฐธรรมนูญที่รัฐต้องดูแลผู้สูงวัยให้มีรายได้เพียงพอต่อการยังชีพ ซึ่ง 3,000 บาทต่อเดือน มาจากฐานของการที่รัฐต้องดูแลพี่น้องประชาชน ให้อยู่เหนือเส้นแบ่งความยากจนที่ประมาณเดือนละ 2,700-2,800 บาท ดังนั้นหลังจากสภาตรวจสอบความชอบของร่างกฎหมายซึ่งใช้เวลาประมาณ 30 วันแล้ว ขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนทุกคนร่วมกันเข้าชื่อ โดยสามารถลงชื่อผ่านเว็บไซต์ของทางรัฐสภา ซึ่งมั่นใจว่าจากการเดินสายพบปะพี่น้องประชาชนพี่น้องประชาชนต้องการเห็นสิ่งเหล่านี้เกิดขึ้น และมั่นใจว่าจะใช้เวลาไม่นาน