งานวิจัยล่าสุดที่นำเสนอในการประชุมประจำปี Society for Risk Analysis Conference 2025 ที่กรุงวอชิงตันดีซี เมื่อวันที่ 7-10 ธันวาคมที่ผ่านมา เผยว่า คนรุ่นใหม่ชาวอเมริกัน มองโลกปัจจุบันว่า “เป็นสถานที่ที่น่ากลัว” และรู้สึกว่า พวกเขา “ไร้ซึ่งอำนาจ” ที่จะเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น
งานวิจัยนี้เป็นผลงานของ ดร.กาเบรียล รูบิน จากมหาวิทยาลัยมอนต์แคลร์สเตท ในรัฐนิวเจอร์ซีย์ ของสหรัฐ ซึ่งเริ่มศึกษาเรื่องนี้มาตั้งแต่ปลายปี 2022 โดยการสัมภาษณ์เชิงลึกคนเจน Z ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของสหรัฐรวม 104 คน เพื่อสำรวจมุมมองของคนรุ่นใหม่ต่อการเมือง ความเสี่ยง และการประท้วง โดยพบว่า ผู้ให้สัมภาษณ์ส่วนใหญ่เห็นด้วยกับข้อความที่ว่า “คนเจน Z มองโลกว่า เป็นสถานที่ที่น่ากลัว” และจำนวนมากยอมรับว่า พวกเขารู้สึกว่าโลกในปัจจุบันน่าหวาดกลัวจริงๆ
งานวิจัยนี้เป็นการต่อยอดงานจากวิจัยก่อนหน้านี้ของ ดร.กาเบรียล ซึ่งบันทึกการเปลี่ยนแปลงที่น่ากังวลต่อทัศนคติของ คนเจน Z โดยระบุว่า การกราดยิงใส่ฝูงชน และโซเชียลมีเดีย เป็นปัจจัยหลักของ “ปัญหาสุขภาพจิต” แต่เมื่อทำการวิจัยลึกลงไป กลับพบว่า ทัศนคติของคนเจน Z เปลี่ยนไปกลายเป็นคนที่มองโลกในแง่ลบ ชอบพูดเหน็บแนม และมีความรู้สึกหวาดกลัวมากขึ้น พร้อมกับความกังวลที่เพิ่มมากขึ้นเกี่ยวกับการสูญเสียสิทธิของตัวเอง ปัญหาการเกิดอาชญากรรม การเลือกปฏิบัติ และเหตุกราดยิงในโรงเรียน
งานวิจัยนี้ชี้ให้เห็นถึงข้อค้นพบ 3 ประการที่เชื่อมโยงกัน เกี่ยวกับวิธีที่คนเจน Z ในอเมริกามองเรื่อง “ความเสี่ยง”
ประการแรก คนเจน Z มองว่า “โลกเป็นสถานที่ที่น่ากลัว” อันเป็นผลจากประสบการณ์ช่วงล็อกดาวน์โควิด-19 และความกลัวเหตุกราดยิงใส่ฝูงชน
ประการที่สอง คนเจน Z ไม่เชื่อว่าพวกเขาจะสามารถเปลี่ยนแปลงโลกได้ ซึ่งเชื่อมโยงกับมุมมองทางการเมืองและประสบการณ์การเข้าร่วมการประท้วงที่ไม่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ดร.กาเบรียลบอกว่า “ความรู้สึกไร้อำนาจ” นี้เป็นหัวใจสำคัญของการประเมินความเสี่ยง “เพราะเมื่อรู้สึกว่าควบคุมผลลัพธ์ไม่ได้ โลกก็ยิ่งดูมีความเสี่ยงที่มากขึ้น”
ประการที่สาม คนอเมริกันเจน Z มีแนวโน้มมองอนาคตในแง่ลบ หลายคนรู้สึกเครียดหรือซึมเศร้าจากความกังวลกับสภาพที่เป็นอยู่ เช่น วิกฤตสภาพภูมิอากาศ ซึ่งไม่มีทางออกที่ชัดเจน หรือมีแนวโน้มที่จะทางแก้ไขได้โดยง่าย
นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่า คนเจน Z มองความเสี่ยงแบบ “ขาว” กับ “ดำ” โดยมองว่า สถานการณ์มีแค่ “ปลอดภัย” หรือ “อันตราย” เท่านั้น แทนที่จะเข้าใจว่าความเสี่ยงมีหลายระดับ ซึ่งสามารถประเมินหรือจัดการได้ ส่งผลให้เกิดโลกทัศน์ที่ว่า “มองเห็นความเสี่ยงอยู่ทุกหนทุกแห่ง”
ความเสี่ยงที่คนเจน Z คิดว่ารุนแรงที่สุด ได้แก่ เหตุกราดยิงในโรงเรียนและปัญหาอาวุธปืน, โซเชียลมีเดียและความกังวลเกี่ยวกับบริษัทเจ้าของแฟลตฟอร์มยักษ์ใหญ่จะถือครองข้อมูลส่วนตัวของพวกเขามากเกินไป นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการเลือกปฏิบัติและสิทธิในการเข้าประเทศ ความแตกแยกทางการเมือง โดยเฉพาะกับประธานาธิบดี และปัญหาสุขภาพจิต รวมถึงความรู้สึกไม่ปลอดภัย และเรื่องของอัตราการเกิดอาชญากรรม
งานวิจัยยังพบอีกว่า ปัจจัยทางเศรษฐกิจยิ่งทำให้ผลกระทบเหล่านี้รุนแรงยิ่งขึ้นกับกลุ่มผู้หญิง โดยผู้หญิงเกือบทั้งหมดที่ให้สัมภาษณ์มองว่า สิทธิของพวกเธอ โดยเฉพาะสิทธิด้านอนามัยเจริญพันธุ์กำลังถูกคุกคามและถดถอยลง ทำให้เด็กผู้หญิงและผู้หญิงรุ่นใหม่รู้สึกวิตกกังวล ซึมเศร้า บางรายถึงขั้นมีความคิดอยากฆ่าตัวตาย
“เมื่อผมเริ่มทำวิจัยนี้ในปี 2022 การสัมภาษณ์ยังเต็มไปด้วยความหวัง แต่เมื่อเวลาผ่านไป มุมมองของคนเจน Z กำลังเปลี่ยนไป และมีความรู้สึกโดยรวมว่า การสร้างความเปลี่ยนแปลงนั้นยากเหลือเกิน” ดร.กาเบรียล กล่าว
งานวิจัยเสนอว่า ความรู้สึก “ปลอดภัย” เป็นเรื่องของการรับรู้ภายใน มากกว่าจะสะท้อนภัยคุกคามที่มาจากภายนอกจริงๆ องค์กรต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานตำรวจ มหาวิทยาลัย หรือภาคธุรกิจ จึงควรพิจารณาว่า จะช่วยให้คนรุ่นใหม่รู้สึกปลอดภัยและมีพลังในการสร้างความเปลี่ยนแปลงได้อย่างไรท่ามกลางโลกปัจจุบันที่ไม่แน่นอน
ที่มา
Gen Z views world as "scary place" with growing cynicism about ability to create change