ในปี 2026 ประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีทางด้านเศรษฐกิจการเงินที่สำคัญที่สุดของโลก ของ 2 องค์กรการเงินระดับโลก ได้แก่ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund - IMF) และกลุ่มธนาคารโลก (World Bank Group – WBG) ในการประชุม IMF-WBG Annual Meetings ที่จัดขึ้นระหว่างวันที่ 12-18 ตุลาคม 2026
เวทีดังกล่าว จะมีตัวแทนจากประเทศสมาชิก รวมถึงผู้ว่าการธนาคารกลาง รัฐมนตรีการคลัง เจ้าหน้าที่อาวุโสจากภาครัฐและเอกชน นักวิชาการ และผู้เชี่ยวชาญจากภาคประชาสังคม เข้าร่วมการประชุม
ขวัญพัฒน์ สุทธิธรรมกิจ เจ้าหน้าที่อาวุโสธนาคารโลกผู้รับผิดชอบประเทศไทย เผยว่า การที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมประจำปีระหว่างไอเอ็มเอฟและธนาคารโลกครั้งนี้ เป็นโอกาสให้ธนาคารโลกได้ทำงานใกล้ชิดกับประเทศไทยมากขึ้น ทั้งยังเป็นโอกาสของประเทศไทยในการแสวงหาการลงทุนจากต่างประเทศได้มากขึ้น
ขวัญพัฒน์ เผยว่า ในการประชุม IMF-WBG Annual Meetings ทางธนาคารโลก มีการเตรียมจัดทำรายงานหลักเพื่อสะท้อนมุมมองและศักยภาพของประเทศไทย รวมถึงสิ่งที่ภาคธุรกิจ และประชาชนไทยอยากเห็น ซึ่งเป็นปรกติของการจัดประชุมดังกล่าวที่ธนาคารโลกจะจัดทำรายงานเพื่อฉายภาพประเทศที่เป็นเจ้าภาพจัดงาน
ขวัญพัฒน์กล่าวว่า ในรายงานของธนาคารโลกที่จะจัดขึ้น จะนำเสนอศักยภาพของประเทศไทยผ่าน 5 อุตสาหกรรมหลักที่กำลังเป็นเมกะเทรนด์และเป็นส่วนที่ประเทศไทยมีศักยภาพสูง ประกอบด้วย
- บริการดิจิทัล (Digital Services)
- อุตสาหกรรมสีเขียวและการผลิตขั้นสูง (Green & Advanced Manufacturing)
- เกษตรและอาหาร (Agriculture & Food)
- การท่องเที่ยวอย่างยั่งยืนและสุขภาพ (Sustainable Tourism & Wellness)
- เศรษฐกิจสร้างสรรค์ (Creative Economy)
ขวัญพัฒน์ระบุว่า ในการจัดทำรายงานเพื่อสะท้อนศักยภาพของประเทศไทย จะใช้การมองภาพอนาคต หรือ Foresight ถึงวิสัยทัศน์ของ 5 อุตสาหกรรมดังกล่าวของไทย รวมถึงสิ่งที่ประเทศไทยต้องทำเพื่อบรรลุถึงวิสัยทัศน์เหล่านั้น โดยกระบวนการมองภาพอนาคต จะใช้มีส่วนร่วมของคนไทยทั้งผู้เชี่ยวชาญ คนที่อยู่ในภาคธุรกิจ เอสเอ็มอี รวมถึงเยาวชน และประชาชนทั่วไป ในการร่วมมองภาพอนาคตของไทย
สิรี ศิริมนตรี จาก FutureTales Lab ซึ่งรับผิดชอบกระบวนจัดทำ Foresight เผยว่า ในการจัดทำภาพอนาคต จะมองหาความเป็นไปได้ทุกรูปแบบของอนาคตประเทศไทยทั้งที่ดีที่สุดและแย่ที่สุด กระบวนการดังกล่าว นอกจากจะทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญแล้ว ยังเชิญชวนภาคส่วนต่างๆ เข้ามาร่วมมองภาพอนาคตของไทยผ่านการทำเวิร์คชอป 2 รอบ โดยจะเปิดรับสมัครผู้ที่สนใจเข้าร่วม ตั้งแต่วันที่ 1-20 พฤศจิกายนที่จะถึงนี้
เวิร์คชอปรอบแรก จะมีขึ้นในวันที่ 26-27 พฤศจิกายน และ 1 ธันวาคม เป็นการระดมสมองเพื่อระบุสัญญาณการเปลี่ยนแปลง เทรนด์ต่างๆ ปัจจัยขับเคลื่อนหลัก ความไม่แน่นอนที่จะมีผลต่ออุตสาหกรรมไทยในทศวรรษหน้า
เวิร์คชอปรอบที่ 2 จะมีขึ้นในวันที่ 2, 8 และ 9 ธันวาคม ในการร่วมกันมองภาพอนาคตอุตสาหกรรมทั้ง 5ของไทย รวมถึงการพัฒนาหมุดหมายและตัวชี้วัดขั้นต้นสำหรับการเปลี่ยนแปลงประเทศไทย
 
          
 
 
 
 
