ท้องถนนญี่ปุ่น ได้ชื่อว่า ปลอดภัยมากๆ เป็นอันดับต้นๆ ในโลก อย่างไรก็ดี ภายใต้ตัวเลขอุบัติเหตุบนท้องถนนที่ต่ำลงเรื่องๆ ในรอบ 20 ปี สิ่งที่ซ่อนอยู่ก็คือ ตัวเลขอุบัติเหตุทางรถยนต์โดยเหล่าผู้สูงอายุที่มากขึ้นๆ โดยในหลายครั้งก็มีผู้เสียชีวิตติดๆ กัน เช่น ในตอนปลายปี 2016 ภายในเดือนเดียว เกิดเหตุที่คุณยายอายุ 83 ขับรถชนคนตาย 2 คน และคุณตาอายุ 87 ขับรถชนเด็กอนุบาลตายแบบติดๆ กัน และทำให้สังคมญี่ปุ่นตอนนั้นเริ่มตระหนักว่า ปัญหา "ผู้สูงอายุขับรถ" คือเรื่องใหญ่จริงจัง
จริงๆ รัฐบาลญี่ปุ่นพยายามแก้ปัญหานี้มาพักใหญ่แล้วตั้งแต่กลางทศวรรษ 1990 โดยตั้งแต่ปีในปี 1998 ทางรัฐบาลกลางได้มี โครงการรณรงค์ให้คนส่งคืนใบขับขี่ ซึ่งคนที่ทำแบบนั้นก็จะได้ "ใบปริญญาการขับรถ" ซึ่งก็จะหน้าตาคล้ายใบขับขี่ และสามารถเอาไปลดราคาได้สารพัด ตั้งแต่อาหารการกิน ยันค่าโดยสารรถไฟและแท็กซี่ แต่จะจังหวัดก็จะมี "โปรโมชั่น" แตกต่างกันไปและเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทุกปี โดยมีเป้าหมายเดียว คือ จะทำยังไงให้คนแก่ขับรถกันน้อยลง
แต่แน่นอน การจูงใจแบบนี้ยังไม่ได้ผลมากพอ ทำให้ในปี 2016 เป็นปีที่ญี่ปุ่นเริ่มบังคับใช้กฎหมายใหม่เกี่ยวกับใบขับขี่ด้วย คือการบังคับให้คนอายุเกิน 75 ปีต้องมาทดสอบความสามารถในการรับรู้ทุก 3 ปี เพื่อจะยืนยันว่าตนยังขับรถได้ ถึงจะได้ต่อใบขับขี่
พูดง่ายๆ รัฐบาลญี่ปุ่นมีมาตรการทั้งเชิญชวนให้คนแก่เลิกขับรถ และมีมาตรการทำให้คนแก่ต่อใบขับขี่ได้ลำบากขึ้นไปพร้อมกัน ทำให้ปีๆ หนึ่งมีคนญี่ปุ่นส่งคืนใบขับขี่และรับ "ใบปริญญาการขับรถ" เป็นหลักแสนคน แต่ประเด็นคือ นี่ก็เป็นส่วนน้อยมากๆ ของคนแก่ในญี่ปุ่นจำนวนมหาศาลที่ยังขับรถกันอยู่ และคนเหล่านี้ก็แก่ลงทุกวัน
ปัจจุบันผ่านไปเกือบ 10 ปีหลังจากกฎหมายเพื่อควบคุมการขับรถของคนแก่บังคับใช้ ญี่ปุ่นก็ประสบปัญหาไม่ต่างจากเดิม ซึ่งจะบอกว่ารัฐบาลญี่ปุ่นแทบจะหมดมุขในการแก้ปัญหานี้แล้วก็ได้ เพราะทั้งเชิญชวนให้คนแก่เลิกขับรถด้วยสารพัดโปรโมชั่น ทั้งสร้างอุปสรรค์และบททดสอบในการต่อใบขับขี่ของคนแก่ ทั้งเอาครอบครัวคนที่โดนคนแก่ขับรถชนตายมาแถลงข่าว
เพื่อให้เห็นภาพ ปี 2017 เป็นปีที่คนแก่ยอมหยุดขับรถและมารับ "ใบปริญญาการขับรถ" แตะ 400,000 คนภายในปีเดียวเป็นครั้งแรก เป็นเรื่องน่ายินดี แต่ข้อเท็จจริงอีกด้านคือ ในปี 2018 เหตุรถชนคนตายครึ่งหนึ่งในญี่ปุ่น เกิดจากคนอายุเกิน 65 ปี ดังนั้น ในอีกแง่ ปัญหามันก็ยังไม่หายไปไหน
ทำไมคนแก่ญี่ปุ่นไม่หยุดขับรถ?
ตรงนี้อยากให้ตระหนักก่อนว่า การบังคับ "ทดสอบเพื่อต่อใบขับขี่" ของคนอายุ 75 ปีที่เริ่มมาในปี 2016 ขึ้นไปไม่ใช่กระบวนการที่สนุกเลย ในทางปฏิบัติคืออาจต้องจองคิวยาว 3-5 เดือน ซึ่งนี่ไม่ใช่เพื่อจะแสดงให้เห็นว่าระบบราชการญี่ปุ่นเชื่องช้า แต่อยากให้เห็นว่า แม้ว่าจะต้องเจอความยากลำบากแบบนี้ คนแก่ญี่ปุ่นจำนวนมากก็ยังเลือกที่จะขับรถต่อไป
เหตุผลก็ง่ายๆ คนแก่ญี่ปุ่นส่วนใหญ่ต้องดูแลตัวเอง และคนที่อยู่ตามต่างจังหวัด ถ้าไม่ขับรถการเดินทางเป็นเรื่องลำบากมากๆ เพราะแม้ว่า เราจะมีภาพจำว่าญี่ปุ่นเป็นเมืองที่วางผังเมืองและผังรถไฟเมืองดีเยี่ยม แต่จริงๆ อะไรพวกนี้เป็นของเมืองใหญ่ๆ เท่านั้น โซนพวกจังหวัดเล็กๆ อะไรแบบนี้มันไม่มี และการไม่ขับรถมัน ก็หมายถึงการเดินทางสัญจรที่ลำบากมากๆ ไม่ว่าจะไปจ่ายตลาดหรือไปโรงพยาบาล นี่คือเหตุผลให้คนแก่ตามต่างจังหวัดของญี่ปุ่นไม่เลิกขับรถง่ายๆ แม้ว่ารัฐบาลจะใช้มาตรการขนาดไหน
แต่ถามว่ารัฐบาลญี่ปุ่นหยุดพยายามมั้ย คำตอบคือไม่ เพราะในปี 2022 รัฐบาลก็มีไอเดียใหม่ว่า คนแก่ญี่ปุ่นจำนวนมากน่าจะรำคาญคิวในการต่อใบขับขี่ของคนแก่แบบยาวเหยียด เลยออกใบขับขี่แบบใหม่ ที่ใช้เฉพาะสำหรับรถยนต์ที่มี "ระบบความปลอดภัยพิเศษ" สำหรับคนแก่โดยเฉพาะ ซึ่งอธิบายง่ายๆ ก็คือเป็นรถที่มีระบบนิรภัยสูงกว่าปกติ เร่งความเร็วได้เต็มที่เพียง 60 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และที่สำคัญคือ จะมีระบบป้องกันการเหยียบคันเร่งกับเบรคสลับกัน ที่เป็นสาเหตุสำคัญของการขับรถชนคนของคนแก่ญี่ปุ่น
อย่างไรก็ดี จนถึงปัจจุบันใบขับขี่แบบนี้ก็ยังไม่แพร่หลาย คนแก่ญี่ปุ่นจำนวนมากก็ไม่ได้อยากเปลี่ยนรถที่ตัวเองขับ และยอมต่อคิวต่อใบขับขี่ยาวๆ ดีกว่าจะไปทำใบขับขี่แบบใหม่ ซึ่งอีกประเด็นหนึ่งก็คือ ถ้าใช้ใบขับขี่ใหม่ ก็ต้องส่งมอบรถเก่าคืน และซื้อรถใหม่
คำถามพื้นๆ ก็คือ คนแก่ญี่ปุ่นจำนวนมากที่ไม่ได้มีรายได้มากมายจะเอาเงินที่ไหนมาซื้อรถยนต์ใหม่? เพราะชีวิตอันยืนยาวของคนญี่ปุ่นมีปัญหาที่ใหญ่มากก็คือ การทำยังไงให้มีเงินใช้ไปถึงสุดทางชีวิต นอกจากนี้ ก็ยังไม่นับว่า การซื้อรถยนต์ใหม่โดยที่ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะอายุยืนไปเท่าไรก็ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเท่าไร
ดังนั้น โดยรวมๆ ปัญหาคนแก่ขับรถชนคนในญี่ปุ่นก็ยังดำเนินต่อไป โดยตอนนี้ “ความหวัง” ที่จะทำให้สถานการณ์จะดีขึ้นแบบก้าวกระโดด ก็น่าจะเป็นการเกิดขึ้นของ ระบบรถยนต์ขับขี่อัตโนมัติ ที่น่าจะขับขี่ได้ดีกว่าคนแก่แน่ๆ แต่นั่นก็ยังไม่ใช่เทคโนโลยีที่จะออกมาให้ใช้ทั่วไปอย่างแพร่หลายเร็วๆ นี้ และมันก็อาจกลับไปสู่คำถามเดิมว่าถึงมีรถยนต์ที่ปลอดภัยขึ้น คนแก่ก็อาจไม่เลือกที่จะสร้างความเสี่ยงทางการเงินด้วยการซื้อรถยนต์รุ่นใหม่ที่ปลอดภัย เพราะการมีรถยนต์ที่ปลอดภัย แต่เงินในบัญชีหมดเกลี้ยงมัน ก็อาจเป็นเรื่องที่แย่ในชีวิตคนแก่ มากกว่ากว่าการขับรถยนต์ปกติและเพิ่มความเสี่ยงในท้องถนนเช่นเคยดังที่เป็นมา
อ้างอิง
Elderly motorists in Japan given option to “graduate from driving” to prevent accidents
Swap driving licence for cheap noodles, Japan urges older motorists
Japan struggles to convince older people to stop driving
How Japan is handling more ageing drivers
Older drivers in Tokyo-area prefecture kept waiting 3 months for license renewal
A year on, restricted licenses for elderly drivers rarely used in Fukushima