Skip to main content

ในบรรดาประเทศที่แรงงานไทยนิยมไปทำงานมากที่สุด หนึ่งในนั้นคือ ประเทศอิสราเอล มีแรงงานไทยไปทำงานมากที่สุดเป็นอันดับ 2 รองจากไต้หวัน ข้อมูลจากกระทรวงแรงงานเผยว่าในปี 2565 มีแรงงานไทยทำงานที่อิสราเอล 20,555 คน

5 ประเทศที่คนไทยไปทำงานมากที่สุด

อันดับ 1 ไต้หวัน 48,542 คน

อันดับ 2 อิสราเอล 20,555 คน 

อันดับ 3 เกาหลีใต้ 12,950 คน 

อันดับ 4 ญี่ปุ่น 7,665 คน

อันดับ 5 สวีเดน 6,680 คน

แนวโน้มของแรงงานไทยที่เดินทางไปทำงานในอิสราเอลช่วง 2 ทศวรรษที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น เนื่องจากความต้องการแรงงานต่างชาติในอิสราเอลที่โตขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยมีการเสนอค่าแรงที่สูง รวมถึงความสัมพันธ์ใกล้ชิดระหว่างทั้งสองประเทศ

ข้อมูลจากสถานทูตไทยในเมืองเทลอาวีฟ ณ ต.ค.2566 ระบุว่า มีแรงงานไทยทำงานอยู่ในประเทศอิสราเอลราว 30,000 คน ร้อยละ 60 ของแรงงานไทยในอิสราเอลเป็นผู้หญิง ส่วนใหญ่ของแรงงานไทยร้อยละ 80 ทำงานในภาคการเกษตร นอกจากนั้นทำงานก่อสร้าง โรงงานและการผลิต และทำงานในภาคบริการ ขณะที่รายได้เฉลี่ยต่อเดือนของแรงงานไทยในอิสราเอลอยู่ที่ 2,400 ดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 87,000 บาท

องค์การแรงงานระหว่างประเทศ หรือ ILO ระบุว่า ในปี 2565 แรงงานไทยในอิสราเอลส่งเงินกลับประเทศ ราว 1 พันล้านดอลลาร์ หรือราว 3.65 หมื่นล้านบาท คิดเป็นร้อยละ 10 ของจำนวนเงินที่แรงงานไทยทั่วโลกส่งกลับประเทศ

5 อันดับแรกที่แรงงานไทยส่งเงินกลับบ้านมากที่สุด

อันดับ 1 ญี่ปุ่น ร้อยละ 30

อันดับ 2 สหรัฐอเมริกา ร้อยละ 20

อันดับ 3 ไต้หวัน ร้อยละ 15

อันดับ 4 สิงคโปร์ ร้อยละ 12

อันดับ 5 อิสราเอล ร้อยละ 10

ส่วนปัญหาและความท้าทายที่แรงงานไทยในอิสราเอลต้องเผชิญ คือเรื่องภาษา เนื่องจากอิสราเอลใช้ภาษาฮิบรูเป็นภาษาหลัก แรงงานไทยจำนวนมากไม่สามารถพูดภาษาฮิบรูได้ ทำให้มีความยากลำบากในการสื่อสารกับนายจ้างและเพื่อนร่วมงาน นอกจากนั้น ยังมีปัญหาเรื่องความต่างทางวัฒนธรรม ที่ส่งผลต่อการปรับตัวของแรงงานไทยให้เข้ากับวัฒนธรรมของชาวอิสราเอล

มีแรงงานไทยบางส่วนถูกนายจ้างเอารัดเอาเปรียบ ด้วยการจ่ายค่าแรงต่ำกว่าค่าแรงขั้นต่ำ ถูกบังคับให้ทำงานเกินเวลา รวมถึงถูกปฏิเสธสิทธิขั้นพื้นฐาน เช่น สิทธิการเข้าถึงการรักษาพยาบาล และการศึกษา นอกจากนี้ แรงงานไทยในอิสราเอลยังประสบปัญหาการถูกละเมิดจากนายจ้างและเพื่อนร่วมงาน การถูกเหยียดเชื้อชาติ การเกลียดกลัวชาวต่างชาติ

 

แรงงานไทยในอิสราเอล