Skip to main content

 

ทีมวิจัยจากประเทศโรมาเนีย เผยผลงานวิจัยล่าสุด ระบุว่า “ความสุขขั้นต่ำ” หรือการยกระดับการดูแลทางด้านสุขภาพ และการลงทุนเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน จะช่วยให้คนในประเทศมีความสุขเพิ่มขึ้น ซึ่งสัมพันธ์กับอัตราการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรที่ลดลงจากโรคเรื้อรังและโรคไม่ติดต่อ

งานวิจัยนี้ตีพิมพ์ในวารสาร Frontiers in Medicine เมื่อปลายเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ระบุว่า ระดับความสุขของคนในชาติ มีผลกับความเสี่ยงของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควรจากโรคและการเจ็บป่วยเรื้อรัง เช่น มะเร็ง โรคหัวใจ เบาหวาน และโรคระบบทางเดินหายใจ

การศึกษาพบว่า การเพิ่มขึ้นของระดับความเป็นอยู่ที่ดีทุกๆ ร้อยละ 1 สัมพันธ์กับอัตราการเสียชีวิตจากโรคเรื้อรังที่ลดลงร้อยละ 0.43 ในกลุ่มผู้ใหญ่ที่อายุระหว่าง 30 ถึง 70 ปี

ในการศึกษา ทีมวิจัยใช้สิ่งที่เรียกว่า “ขั้นบันไดชีวิต” 10 ขั้น ในการประเมินระดับความสุขของคนใน 123 ประเทศ โดย “0” หมายถึง ชีวิตที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่จะจินตนาการได้ และ “10” หมายถึง ชีวิตที่ดีที่สุด

งานวิจัยพบว่า ในประเทศที่คะแนนสูงกว่า 2.7 ความสุขจะเชื่อมโยงกับอัตราการเสียชีวิตของคนอายุระหว่าง 30 ถึง 70 ปีจากโรคเรื้อรังหรือโรคไม่ติดต่อ  

“นโยบายต่างๆ ที่ทำให้คะแนนของขั้นบันไดชีวิตสูงกว่า 2.7 โดยผ่านการลงทุนในระบบสุขภาพ การปฏิรูปเพื่อต่อต้านการคอรัปชั่น การลงทุนในโครงข่ายความปลอดภัยทางสังคมและสภาพแวดล้อมของเมือง สามารถเริ่มต้นวงจรที่ส่งเสริมระดับความสุขที่สูงขึ้น และอัตราการเสียชีวิตที่ต่ำลง” ศาสตราจารย์ ยูเลีย ยูกา หัวหน้าทีมวิจัย ซึ่งสอนอยู่ที่คณะการเงินและบัญชี มหาวิทยาลัย  1 Decembrie 1918 University of Alba Iulia ในโรมาเนีย กล่าว

ศาสตราจารย์ ยูเลีย บอกว่า เธอหวังว่างานวิจัยของทีมจะมีผลกับหน่วยงานภาครัฐและองค์กรด้านสาธารณสุข ซึ่งสามารถส่งผลต่อความสุขและสุขภาพของประชาชนได้ และมีแผนจะทำวิจัยต่อ โดยจะทดสอบ “ระดับความสุขขั้นต่ำ” นี้กับตัวชี้วัดด้านสุขภาพอื่นๆ

ทางด้าน ศาสตราจารย์ซอนยา ลูโบเมียร์สกี ผู้ทรงคุณวุฒิด้านจิตวิทยา และผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการ Positive Activities and Well-Being (PAWLab) แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ริเวอร์ไซด์ ซึ่งไม่ได้ร่วมในการศึกษาครั้งนี้ บอกว่า งานวิจัยนี้ช่วยเสริมหลักฐานทางวิชาการที่มีอยู่แล้ว ที่ชี้ให้เห็นถึงความเชื่อมโยงระหว่าง “ความสุข” กับ “สุขภาพ”

ศาสตราจารย์ซอนยาบอกว่า โดยทั่วไป ผู้คนมักมองความสุขเป็นเหมือนสิ่งฟุ่มเฟือย หรือเป็นสิ่งที่ทำให้รู้สึกดี แต่งานวิจัยใหม่นี้แสดงให้เห็นว่า ความสุขอาจเป็นผลจากการสาธารณสุขที่ดีขึ้น ความสุข จึงมีความหมายมากกว่าแค่ความสนุกหรือความเพลิดเพลิน

เธอบอกว่า ในความเป็นจริง มนุษย์มีอิทธิพลต่อความสุขของตัวเองได้จำกัด โดยเฉพาะเมื่อความสุขขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมที่เราอาศัยอยู่ เช่น คนที่เกิดในประเทศที่การเมืองไร้ซึ่งเสถียรภาพ หรือคนที่ไม่มีเงินมากพอจะย้ายออกจากพื้นที่ที่มีมลพิษทางอากาศสูงได้

ตามรายงานขององค์การอนามัยโลก ในปี 2021 ทั่วโลกมีผู้ที่เสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่ออย่างน้อย 43 ล้านคน หรือคิดเป็นร้อยละ 75 ของการเสียชีวิตที่ไม่เกี่ยวข้องกับโรคระบาด และเกือบร้อยละ 42 ของผู้เสียชีวิตเหล่านี้เสียชีวิตก่อนวัยอันควร คือ ก่อนอายุ 70 ปี โดยร้อยละ 80 ของการเสียชีวิตก่อนวัยอันควร มาจากโรคไม่ติดต่อมาจาก 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ โรคหัวใจ 19 ล้านคน, มะเร็ง 10 ล้านคน, โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง 4 ล้านคน และโรคเบาหวาน 2 ล้านคน

ทีมนักวิจัยระบุว่า ข้อจำกัดของงานชิ้นนี้ คือ ข้อมูลที่ไม่ครบถ้วนจากประเทศที่อยู่ในภาวะสงคราม และกลุ่มประเทศรายได้น้อย นอกจากนี้ การวิเคราะห์อายุขัยก็มีข้อจำกัดเช่นกัน เพราะข้อมูลการเสียชีวิตจากโรคไม่ติดต่อมีเฉพาะในกลุ่มคนที่อายุไม่เกิน 70 ปี

อย่างไรก็ดี มีผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการประเมินความสุขของผู้คนในงานวิจัยนี้ ไซดา เฮชมาตี ผู้ช่วยศาสตราจารย์ด้านจิตวิทยา และผู้อำนวยการห้องปฏิบัติการ Human Emotion and Relationships across Time and Culture (HEART Lab) จากมหาวิทยาลัยแคลร์มอนต์ แกรดยูเอท แคลิฟอร์เนีย บอกว่า คำว่า “ความสุข” อาจไม่ใช่คำที่เหมาะที่สุดที่จะใช้อธิบายสิ่งที่งานวิจัยนี้พยายามจะวัด

เธอบอกว่า ‘ความสุข’ ในการรับรู้ของคนส่วนใหญ่มักหมายถึงการมีอารมณ์เชิงบวกที่มากขึ้น เช่น ความหมายของชีวิต หรือความรู้สึกประสบความสำเร็จ เธอบอกว่า การแบบวัด ขั้นบันไดชีวิต ไม่ได้ลงลึกถึงองค์ประกอบเหล่านี้เลย


ที่มา
A happier country equals a healthier one — but only above a certain threshold