Skip to main content

 

ตามเมืองใหญ่ต่างๆ ทั่วประเทศจีน มีคนรุ่นใหม่นับพันคนที่กำลังกบฎเงียบ ด้วยการใช้ชีวิตในแบบแทบไม่ขยับตัวทำอะไร นอกจากนอนขดอยู่บนที่นอนทั้งวันตลอดทั้งสัปดาห์ และแชร์ความเกียจคร้านของตัวเองบนโลกออนไลน์ เกิดเป็นพฤติกรรมที่เรียกกันว่า “มนุษย์หนู”  

หลี่เม่ย ในวัย 24 ปี นอนขดตัวอยู่บนที่นอนที่ไม่ได้เก็บภายในแฟลตซอมซ่อของกรุงปักกิ่ง โดยที่ไม่ได้ออกจากห้องมา 1 สัปดาห์แล้ว เธอไม่กระทั่งจะลุกไปอาบน้ำหรือไปไกลจากที่นอน โต๊ะหัวเตียงของเธอมีแค่ซองเปล่าของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับขนมกรุบกรอบที่กินไปครึ่งซองวางอยู่

“อย่างน้อย ฉันก็ยอมรับตรงๆ ว่า ฉันยอมแพ้ แม่ของฉันท่านทำงานสัปดาห์ละ 70 ชั่วโมงมาทั้งชีวิต แต่ก็ยังต้องขอให้ตากับยายช่วยเรื่องเงินเพื่อจะซื้อแฟลตขนาดจิ๋วนี้ แม่จะทำงานหนักไปเพื่ออะไร?” หลี่เม่ยกล่าว

หลี่เม่ย เรียนจบมหาวิทยาลัย แต่ภูมิใจที่จะบอกกับใครๆ ว่า เธอเป็น “มนุษย์หนู” หรือ Rat Person ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันอย่างกว้างขวางในโซเชียลมีเดียของจีน หมายถึง คนที่ยอมแพ้ให้กับกับเรื่องงาน การแต่งงาน การมีบ้านของตัวเอง รวมถึงหยุดการมีส่วนร่วมทางสังคมทั้งหมด และกลายมาเป็นพวกที่เก็บตัว

หญิงสาวรายหนึ่ง โพสต์คลิปวิดีโอของเธอบนโซเชียลมีเดียจีน เธอตื่นนอนตอนเที่ยงวัน และนอนไถหน้าจอมือถือไปจนถึงบ่ายสาม จากนั้นก็อยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ตามมุมต่างๆ ของบ้านสลับกับการนอน ก่อนจะกลับไปที่เตียงนอนอีกตั้งแต่ยังไม่ถึง 2 ทุ่ม คลิปวิดีโอของเธอเรียกยอดไลก์ได้หลักแสนและเป็นตัวอย่างให้กับคนอื่นๆ ทำตาม ขณะที่บางคลิปวิดีโอของมนุษย์หนู มียอดวิวมากกว่า 2 ล้านวิว

ปัจจุบัน คนเจน Z หลายล้านคนทั่วโลกกำลังอยู่ในภาวะที่ไม่มีงานทำ และไม่เรียนหนังสือ ไม่เข้ารับการอบรมใดๆ รวมเรียกว่า NEETS (not in employment, education, or training) ถึงแม้ว่าพวกเขาจะมีคุณสมบัติเพียงพอและต้องการที่จะทำงาน แต่กลับหางานทำไม่ได้ ทำให้คนรุ่นใหม่ใช้โซเชียลมีเดียเพื่อเฉลิมฉลองกับการทอดทิ้งชีวิตการทำงาน และมีชีวิตแบบสโลว์ไลฟ์

ในช่วง 2 ถึง 3 ปีมานี้ คนวัยทำงานที่เป็นคนรุ่นใหม่ สร้างไลฟ์สไตล์ที่เรียกว่า Bare Minimum Mondays หรือการทำให้วันจันทร์ซึ่งเป็นวันเริ่มต้นการทำงานที่สร้างความเครียดและวิตกกังวล กลายเป็นวันที่พวกเขาจะทำงานให้น้อยที่สุดเพื่อปรับบรรยากาศให้ต่อเนื่องจากวันหยุดสุดสัปดาห์ นอกจากนั้น ยังมีพฤติกรรมที่เรียกว่า “quiet quitting” หรือการจำกัดการทำงานเฉพาะหน้าที่ของตัวเองให้ผ่านไปวันหนึ่งๆ โดยไม่กระตือรือล้น ไม่สนใจความก้าวหน้า

ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า ปรากฏการณ์นี้เป็น “การประท้วงเงียบ” ที่เกิดจากภาวะหมดไฟ และเพื่อต่อต้านสภาวะของตลาดแรงงานในปัจจุบัน

ในปี 2021 คนเจน Z และเจนมิลเลนเนียลในจีน เริ่มปฏิเสธวัฒนธรรมการทำงานด้วยชั่วทำงานที่ยาวนานในยุคที่บริษัทเทคโนโลยีในจีนกำลังเติบโต ที่เรียกว่า “996” ซึ่งหมายถึง การทำงานตั้งแต่ 9 โมงเช้าถึง 3 ทุ่ม 6 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งคนรุ่นใหม่มองว่า ต่อให้พวกเขาทุ่มเททำงานหนักขนาดไหนก็ได้ค่าจ้างไม่คุ้มค่าเหนื่อย และเริ่มต่อต้านการทำงานหนักด้วยการ “นอนพัก” โดยใช้คำว่า “lying flat”

Lying flat หมายถึง การหยุดพักจากการทำงานที่ตึงเครียด ซึ่งเกิดขึ้นจากความรู้สึกที่ว่า ต้องทำงานภายใต้แรงกดดันที่เพิ่มมากขึ้น การถูกเรียกร้องให้มีผลงานมากขึ้น อันเป็นผลมาจากการหดตัวของตลาดแรงงานในจีน และส่งผลให้คนหนุ่มสาวมีชั่วโมงการทำงานที่ยาวนาน จนกระทั่งเกิดภาวะหมดไฟ ทำให้คนกลุ่มนี้เฉื่อยชา และเมื่อต้องเผชิญกับการระบาดของโควิด ยิ่งทำให้พวกเขาเหนื่อยล้า และต้องการแค่ได้หยุดพักเอนตัวลงนอนเพื่ออ่านหนังสือสักเล่ม หรือนั่งพักดูโทรทัศน์มากกว่าที่จะใช้เวลาไปกับการทำงานหนัก

การประกาศตัวเป็น มนุษย์หนู แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วในหมู่คนรุ่นใหม่ที่ไม่มีงานทำ ตัวเลขทางการของจีนระบุว่า มีคนรุ่นใหม่อยู่ราวร้อยละ 16.5ที่ตกงาน และย้อนไปในปี 2023 สัดส่วนของคนรุ่นใหม่ที่ไม่มีงานทำอยู่ที่ร้อยละ 21.3 ซึ่งคนส่วนใหญ่ในจีนที่ตั้งใจเป็นมนุษย์หนูนั้นอยู่ในช่วงวัย 20 ปี และครอบครัวมีฐานะดีพอที่จะสนับสนุนการใช้ชีวิตที่ตั้งใจว่า จะไร้ซึ่งความทะเยอทะยานใดๆ

“คนรุ่นปู่ย่าตายายของเราเอาชีวิตรอดอย่างยากลำบาก ส่วนคนรุ่นพ่อแม่ของเราท่านร่วมสร้างประเทศจีนยุคใหม่ ถึงตอนนี้เราเป็นคนรุ่นที่สมควรที่จะได้พักแล้ว” มนุษย์หนูวัย 25 ปี ซึ่งลาออกจากงานตั้งแต่ปลายพฤศจิกายนปี 2024 กล่าว

เธอบอกว่า ถึงพ่อแม่จะดุด่า แต่ยังไงก็ไม่ปล่อยให้เธอต้องอดตาย และแม้ครอบครัวของเธอจะไม่ได้ร่ำรวย แต่ก็พอจะรู้ว่า สำหรับเธอการทำงานไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรสำหรับอีกต่อไปแล้ว

มนุษย์หนูบางรายใช้วิธีขอเงินจากพ่อแม่ไปตลอดชีวิต บางคนเป็นฟรีแลนซ์ หรือขายของเล็กๆ น้อยๆ ทางออนไลน์ บางรายผลิตคอนเทนต์บนโซเชียลมีเดีย เช่น การไม่สระผม การไม่เก็บที่นอน หรือการกินอาหารแค่วันละมื้อในช่วงบ่ายแก่ๆ ใกล้เย็น เพื่อรับส่วนแบ่งรายได้

ศาสตราจารย์วัยเกษียณที่มหาวิทยาลัยมาลายา ของมาเลเซีย ซึ่งทำการศึกษาขบวนการเคลื่อนไหวของคนรุ่นใหม่ในจีน พบว่า คนจีนรุ่นใหม่เหล่านี้ไม่ได้ขี้เกียจ แต่มีสิ่งที่อยู่ลึกลงไป คือ พวกเขาตาสว่างจากค่านิยมของจีนที่ต้องทำงานหนัก การต้องเป็นเจ้าของทรัพย์สินโดยเฉพาะอสังหาริมทรัพย์ รวมถึงต้องสร้างความมั่งคั่งร่ำรวย ขณะที่คนรุ่นใหม่จำนวนมาก กำลังต้องการหยุดพักเพื่อหายใจ และหาคำตอบถึงอนาคตของพวกเขาในภายภาคหน้า

เช่นเดียวกับ เอดวิต้า ปาเทล ประธาน  Chartered Institute of Public Relations ที่บอกว่า ปรากฎการณ์นี้เป็นการประท้วงเงียบของคนรุ่นใหม่เพื่อตอบโต้กับภาวะหมดไฟ ความรู้สึกผิดหวัง และความรู้สึกถึงการที่ถูกตลาดแรงงานลงโทษด้วยการไม่เปิดรับพวกเขาเข้าทำงาน

“มันไม่ใช่ความขี้เกียจ มันเป็นความเหนื่อยล้า ถ้าคุณยังสมัครงานไม่หยุดหย่อนและถูกปฏิเสธหรือถูกทำให้ไม่มีตัวตน มันสามารถทำลายความมั่นใจและทำให้เกิดปัญหาสุขภาพจิตได้เลย” ปาเทลกล่าว

คนรุ่นใหม่บอกว่า การใช้ชีวิตเป็นมนุษย์หนู เป็นความรู้สึกของการที่พวกเขาได้อำนาจในการควบคุมชีวิตของตัวเองกลับมา

อีลอยส์ สกินเนอร์ นักจิตวิทยากล่าวว่า เป็นเรื่องยากที่จะรับมือกับการถูกปฏิเสธอยู่ตลอดเวลา แต่คนที่พาตัวเองไปสู่จุดที่ท้าทายมักจะพัฒนาทักษะต่างๆ เพื่อที่จะมีความสามารถในการปรับตัวและมีความยืดหยุ่น ขณะที่คนที่ตัดสินใจจะถอนตัวจากการแข่งขันอาจรู้สึกว่าตัวเองร่วงหล่นไปอยู่ข้างหลังเมื่อเทียบกับเพื่อนๆ

ลีโอนา เบอร์ตัน ซึ่งเป็นโค้ชชิ่งแนะนำว่า คนเจน Z ที่อยู่ในสภาพมนุษย์หนู ขอให้เริ่มต้นจากการทำอะไรจากสิ่งที่เล็กๆ ก่อน และขอแค่ให้เริ่มต้นทำสิ่งเหล่านั้น

“คุณไม่จำเป็นต้องมีทางออกในชั่วข้ามคืน แค่ไปเจอใครสักคนที่คุณเชื่อมั่นในตัวเขาที่มีการตัดสินใจในทางบวก และหยุดเปรียบเทียบความสำเร็จของตัวเองกับคนอื่นๆ หรือเริ่มต้นง่ายๆ อย่างเช่น การแต่งตัวและออกไปเดินข้างนอกโดยไม่ต้องเอาโทรศัพท์ติดออกไป เริ่มนับทุกๆ ก้าวจากก้าวเล็กๆ” ลีโอนากล่าว

 

อ้างอิง
China’s unemployed Gen Z are proudly calling themselves ‘rat people’—they’re spending all day in bed in a rebellion against burnout
Meet China's 'Rat People': Gen Z Are Ditching Work to 'Scroll, Eat, Sleep, Repeat'