อุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย โพสต์เฟซบุ๊กระบุว่า หลังจากที่ประเทศไทยเปิดรับนักท่องเที่ยวเต็มรูปแบบเมื่อ 1 มิ.ย.ที่ผ่านมา ตนเชื่อว่าภาคธุรกิจท่องเที่ยวต่างก็รู้สึกกลับมามีความหวังอีกครั้ง ซึ่งตนก็รู้สึกเช่นนั้น และยังคิดหวังต่อไปอีกว่า หากเราสามารถพลิกฟื้นการท่องเที่ยวได้อย่างรวดเร็ว จะส่งผลดีต่อประเทศในแง่แหล่งรายได้ ที่มาช่วยดูดซับแรงกระแทกจากปัญหานานับประการที่กำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน และที่สำคัญจะช่วยผ่อนคลายแรงกดดันของผู้ประกอบการในทุกกลุ่ม เป็นโอกาสให้พวกเขาฟื้นฟูกิจการและกลับมาเข้มแข็งได้อีก
อย่างไรก็ตาม การจะพลิกฟื้นภาคการท่องเที่ยวได้อย่างรวดเร็วและยั่งยืนนั้น รัฐบาลต้องมี 3 พร้อม ประกอบด้วย
1.พร้อมต้อนรับนักท่องเที่ยว โดยมุ่งเสริมสร้างให้เกิดความได้เปรียบเหนือประเทศคู่แข่งในการดึงดูดกลุ่มเป้าหมาย
2.พร้อมช่วยเหลือสนับสนุนผู้ประกอบการ ให้เข้มแข็งสามารถฟื้นฟูกิจการ และใช้โอกาสนี้เพื่อสร้างรายได้โดยเร็ว
3.พร้อมสนับสนุนและลงทุน เพื่อขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวโดยเร็ว
“เราต้องยอมรับความจริงว่า สถานการณ์โควิดและเศรษฐกิจในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา กระทบผู้ประกอบการอย่างรุนแรง นอกจากรายได้จะหายไปแล้ว ทุนที่มีอยู่ก็ถูกนำมาใช้จนร่อยหรอแทบหมดลง ผมเสนอว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย กระทรวงการท่องเที่ยว ต้องร่วมกันจัดหามาตรการที่ถือเป็นมาตรการพิเศษ มาช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถเข้าถึงเงินทุนได้อย่างเพียงพอโดยรวดเร็ว เพื่อให้ผู้ประกอบการสามารถใช้โอกาสที่การท่องเที่ยวมีสัญญาณพลิกฟื้นได้อย่างเต็มศักยภาพ รวมทั้งบรรเทาปัญหาหนี้สินก่อนที่จะทรุดหนักไปมากกว่านี้”
อุตตม ระบุอีกว่า การท่องเที่ยวจะฟื้นตัวได้อย่างยั่งยืนนั้น จำเป็นต้องเกิดการลงทุนใหม่ ซึ่งจากการที่ได้พูดคุยกับผู้ประกอบการเอกชนหลายรายในพื้นที่การท่องเที่ยวต่างๆ ของประเทศ พบว่า ผู้ประกอบการต้องการลงทุน แต่ในภาวะที่เศรษฐกิจที่ยังมีความท้าทายและความเสี่ยงมากเช่นนี้ มองว่ารัฐบาลสมควรพิจารณามาตรการที่จะส่งเสริมจูงใจให้เอกชนลงทุน พร้อมทั้งสื่อสารให้ผู้ประกอบการทราบอย่างชัดเจน เช่น แผนการลงทุนที่เกื้อหนุนภาคการท่องเที่ยวในทันที การช่วยผู้ประกอบการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพบุคลากรในภาคการท่องเที่ยว รวมถึงการพิจาณาสิทธิประโยชน์เป็นกรณีพิเศษ เพื่อกระตุ้นและจูงใจให้ภาคเอกชนเกิดการลงทุนในรูปแบบใดบ้าง เป็นต้น
ทั้งนี้ หากรัฐบาลสามารถดำเนินการในเรื่องเหล่านี้และอื่นๆที่เกี่ยวเนื่องได้รวดเร็ว ก็จะเป็นการสร้างความเชื่อมั่นให้กับภาคเอกชนเดินหน้าลงทุน ทั้งกลุ่มผู้ลงทุนจากในประเทศและต่างประเทศ
“ในภาวะเศรษฐกิจปัจจุบันที่ทุกภาคส่วนยังเผชิญปัญหาอยู่นั้น ภาคท่องเที่ยวดูจะเห็นแสงรำไรที่จะก้าวต่อไปได้บ้างแล้ว อย่างไรก็ดี การที่ผู้ประกอบการจะสามารถใช้โอกาสได้อย่างเต็มที่ในปัจจุบัน ผมเห็นว่ารัฐบาลจำเป็นต้องให้ความช่วยเหลือสนับสนุนอย่างเป็นระบบและต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับการสื่อสารถึงยุทธศาสตร์และการดำเนินการของภาครัฐโดยเน้นระยะสั้นเฉพาะหน้า นอกเหนือจากยุทธศาสตร์ระยะยาว โดยเป้าหมายหลักนั้นไม่ใช่มุ่งหวังเพียงปริมาณนักท่องเที่ยวเข้าประเทศเท่านั้น แต่ภาครัฐและเอกชนควรร่วมกันพัฒนาภาคการท่องเที่ยว ให้เป็นเครื่องยนต์เศรษฐกิจที่เข้มแข็ง มีขีดความสามารถการแข่งขันในเวทีโลกได้อย่างแท้จริง ซึ่งการดำเนินการเหล่านี้จะเป็นรูปธรรมและทันการณ์ได้นั้น เราต้องร่วมมือกันดำเนินการเชิงรุก ต้องไม่ปล่อยให้ทุกอย่างเดินไปตามธรรมชาติ ขาดทิศทางที่ชัดเจน”