วันที่ 9 พ.ค. 2565 พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย สุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และคณะ เยี่ยมชมคูโบต้าฟาร์ม ต.หนองอิรุณ อ.บ้านบึง จ.ชลบุรี พร้อมรับฟังบรรยายสรุปและหารือแนวทางการพัฒนาการเกษตรของไทยไปสู่การเกษตรแบบ Smart Farming ณ ห้องประชุมอาคารเกษตรวิวัฒน์ คูโบต้าฟาร์ม
นายธนกร เปิดเผยว่า นายกรัฐมนตรีรับฟังแนวทางการพัฒนาเกษตรสมัยใหม่และชุมชนต้นแบบ Smart Farming ที่ประสบความสำเร็จ ดังนี้ 1) วิสาหกิจชุมชนศูนย์ส่งเสริมและผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าวชุมชนตำบลผักไหม อ.ห้วยทับทัน จ.ศรีสะเกษ เรื่อง “ลด (ต้นทุน) ละ (การหว่าน) เลิก (การเผา)”
จากนั้นนายกรัฐมนตรีรับฟังโครงการความร่วมมือการพัฒนา Smart Farming เพื่อเพิ่มผลผลิตและแก้ไขปัญหาความยากจนของเกษตรกร จากนายสมศักดิ์ มาอุทธรณ์ ที่ปรึกษาสำนักงานกรรมการ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) โดยโครงการมีแนวทางการพัฒนา Smart Farming 5 เรื่องหลัก คือ
1.การบูรณาการองค์ความรู้ ได้แก่ การลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต ลดความเสี่ยงจากปัจจัยภายนอก
2. การให้ความรู้เพื่อสร้างความเข้มแข็งของภาคการเกษตร ได้แก่ การเข้าถึงแหล่งความรู้การเข้าถึงข้อมูลที่จำเป็น การอบรมให้ความรู้ด้านนวัตกรรมเกษตร
3. การจัดการโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การติดตั้งสถานีวัดอากาศให้ครอบคลุมพื้นที่การเกษตร การปรับสภาพพื้นที่ให้เหมาะสมกับการเพาะปลูก อินเทอร์เน็ตที่เข้าถึงง่ายและสัญญาณที่ครอบคลุมทุกพื้นที่
4.การเข้าถึงเครื่องจักรกลการเกษตรและนวัตกรรมการเกษตรสมัยใหม่ สนับสนุนเรื่องการรวมกลุ่มเกษตรแปลงใหญ่อย่างมีประสิทธิภาพ การใช้ระบบเช่าเครื่องจักรกลการเกษตรบนดิจิทัลแพลตฟอร์มจับคู่ผู้ให้บริการสำหรับเกษตรกรรายย่อย
5. ด้านการตลาด โดยการสนับสนุนให้เกษตรกรสามารถเข้าถึงข้อมูลด้านการตลาดทั้งปริมาณความต้องการและราคา เพื่อวางแผนการเพาะปลูกได้อย่างแม่นยำ รวมทั้งการขยายตลาดใหม่เพื่อความยั่งยืน สร้างโอกาสใหม่ในการขายผ่านช่องทางออนไลน์ รวมถึงสร้างมูลค่าเพิ่มโดยการแปรรูปสินค้าเกษตร ซึ่งโครงการมีความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชนที่ได้ดำเนินการไปแล้ว เช่น โครงการเกษตรปลอดการเผา โครงการเกษตรปลอดนาหว่าน แอพพลิเคชันปฏิทินการเพาะปลูก KAS โครงการแรงงานคืนถิ่น โครงการต้นกล้าดิจิทัล เป็นต้น
โอกาสนี้ นายกรัฐมนตรีมอบนโยบายการขับเคลื่อนนวัตกรรมและเทคโนโลยีการเกษตรแบบครบวงจร การส่งเสริมเครื่องจักรกลการเกษตร การยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและภาคเกษตรกรรมภายใต้หลักปรัชญาเศรษฐกิจพอพียง ว่า เป็นโอกาสดีที่ได้มาตรวจเยี่ยมคูโบต้าฟาร์ม ซึ่งเป็นต้นแบบของเกษตรทันสมัย หรือ Smart Farming และเป็นความมุ่งมั่นของรัฐบาลในการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรและภาคเกษตรกรรมของไทยให้อยู่ในระดับแนวหน้า
กลุ่มเกษตรกรที่สนใจในนวัตกรรมและเทคโนโลยีเกษตรสมัยใหม่ มาร่วมเยี่ยมชมคูโบต้าฟาร์มด้วย รู้สึกยินดีที่ได้มาพบกับกลุ่มเกษตรกรที่ประสบความสำเร็จในการทำ Smart Farming ทั้ง 3 กลุ่มซึ่งความสำเร็จของกลุ่มเป็นตัวอย่างและเป็นแรงบันดาลใจให้กับพี่น้องเกษตรกรไทยทั่วประเทศที่คาดหวังจะประสบความสำเร็จในอนาคต พร้อมแสดงความชื่นชมความร่วมมือการดำเนินการพัฒนาเกษตรสมัยใหม่ และชุมชนต้นแบบ Smart Farming ที่ประสบความสำเร็จ ผ่านการดำเนินการของวิสาหกิจชุมชนที่สอดคล้องกับศักยภาพของแต่ละพื้นที่
โดยนายกรัฐมนตรี ย้ำว่าภาคการเกษตรคืออนาคตของประเทศไทยที่มีการทำการเกษตรมายาวนานตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน แต่ปัญหาขณะนี้คือเกษตรกรออกจากภาคการเกษตรไปทำอาชีพอื่นเป็นจำนวนมาก ในขณะที่รายได้ภาคเกษตรก็ลดลงเช่นกัน ดังนั้นต้องช่วยกันหาแนวทางเพื่อทำให้สิ่งที่เป็นอยู่ดั้งเดิมมีมูลค่าสูงขึ้นให้ได้ ประชาชนมีรายได้ที่เหมาะสม และหลุดพ้นจากความยากจน สิ่งสำคัญที่สุดคือการทำให้คนไทยอยู่รอด ปลอดภัย พอเพียง และยั่งยืน
นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการทำเกษตรที่จะต้องมีการพัฒนาปรับให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของโลกและสอดคล้องกับสภาพภูมิอากาศที่เปลี่ยงแปลง และสอดคล้องกับศักยภาพของแต่ละพื้นที่ ซึ่งรัฐบาลได้มีการบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบมีประสิทธิภาพเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง ทั้งการหาแหล่งน้ำบนดิน และใต้ดิน (น้ำบาดาล) ให้เพียงพอต่อการทำเกษตรและการอุปโภคบริโภคของประชาชน โดยขณะนี้มีโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่แก้ปัญหาภัยแล้ง อันเนื่องมาจากพระราชดำริ จำนวน 15 โครงการในพื้นที่ 11 จังหวัดทั่วประเทศ
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรีชื่นชมการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีมาพัฒนาเพื่อทำการเกษตรสมัยใหม่ ที่นับเป็นการดำเนินการที่ยอดเยี่ยม และถือเป็นชุมชนแหล่งเรียนรู้ตัวอย่าง เพื่อนำไปขยายผลต่อยอดการดำเนินการในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศเพื่อพัฒนาคุณภาพด้านการเกษตรของไทยให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทั้งในด้านการเพิ่มปริมาณผลผลิตและคุณภาพผลิตภัณฑ์การเกษตร ตลอดจนการเพิ่มรายได้ให้กับเกษตรกรและประชาชนอย่างยั่งยืน และได้ขอบคุณคูโบต้าฟาร์ม และเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง พร้อมย้ำถึงการดำเนินการเกษตรสมัยใหม่ของคูโบต้าฟาร์มคือการสร้างความแข็งแกร่งให้กับเกษตรไทยในระยะต่อไป ในการเป็นเกษตรพันธุ์ใหม่ซึ่งเป็นการดำเนินการตามโครงการตามแนวพระราชดำริ โดยรัฐบาลพร้อมสนับสนุนการดำเนินการให้มีการขยายไปสู่พื้นที่อื่น ๆ ต่อไป
ผู้สื่อข่าวรายงายว่า ในการลงพื้นที่ครั้งนี้ มีส.ส.ภาคตะวันออก พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มารอต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง ประกอบด้วย จองชัย วงศ์ทรายทอง ส.ส.เขต 2 ชลบุรี รณเทพ อนุวัฒน์ ส.ส.เขต 3 ชลบุรี สมพงษ์ โสภณ ส.ส.เขต 4 ระยอง ชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ ส.ส.เขต 2 ฉะเชิงเทรา สุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์ ส.ส.เขต 3 สระแก้ว พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.เขต 1 จันทบุรี น.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กทม. พลังประชารัฐ สุรชาติ ศรีบุศกร ส.ส.พิจิตร พลังประชารัฐ มนัส อ่อนอ้าย สส.พิษณุโลก พรรคพลังประชารัฐ รวมถึงผู้นำท้องถิ่น กำนัน นายก อบจ. สจ.ในจ.ชลบุรี ในเขต อ.เมือง อ.พานทอง อ.พนัสนิคม และ กิตติ เป้าเปี่ยมทรัพย์ กอบจ.ฉะเชิงเทรา บิดา ชัยวัฒน์ ส.ส.เขต 2 ฉะเชิงเทรา มาต้อนรับ โดยส่วนใหญ่เป็นผู้นำท้องถิ่นที่อยู่ในทีมสังกัดพลังใหม่ของ สุชาติ และเป็นที่น่าสังเกตว่ากลุ่มนักการเมืองฝั่งตระกูลคุณปลื้มไม่ได้มาด้วย
ขณะที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวกับ ส.ส.ที่มาต้อนรับว่า ดีใจที่ได้มาพบปะกับทุกคน พร้อมพบปะประชาชนที่มาต้อนรับ ซึ่งตะโกนให้กำลังใจนายกฯ สู้ๆ โดย พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวตอบว่า "สู้อยู่แล้วๆ ถ้าไม่สู้ไม่อยู่มาถึงวันนี้หรอก ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจ" ก่อนทักทายชาวบ้านด้วยการใช้ข้อศอกชนกันตามหลักสากลในการเว้นระยะห่าง พร้อมกล่าวว่า ขอให้ระวังโควิดหน่อย อย่าประมาท วันนี้เอาความคิดถึงมาให้ทุกคน นายกฯ ทำงานทุกอย่าง ซึ่งบางอย่างค่อยๆ เดินค่อยๆ แก้ คิดถึงทุกคนมาโดยตลอด ขอบคุณทุกกำลังใจและขอให้ทุกคนโชคดี ขณะที่ประชาชนกล่าวย้ำ "รักลุงตู่" พล.อ.ประยุทธ์ จึงหยอดคำหวานว่า "รักจริงอย่าทิ้งกันนะ"
จากนั้นนายกรัฐมนตรีถ่ายภาพกับ ส.ส.และผู้นำท้องถิ่นที่มาต้อนรับ พร้อมกล่าวย้ำว่า ขอให้ทำเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ และประชาชน