แสวง บุญมี รองเลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) รักษาการแทนเลขาธิการ กกต. แถลงข่าว “ข้อควรรู้เพื่อนำเสนอข่าวสารของสื่อมวลชนในการเลือกตั้งกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา” “รวมพลังสุจริต ใช้สิทธิอย่างโปร่งใส พร้อมใจไปเลือกตั้ง” ในวันอาทิตย์ที่ 22 พฤษภาคม 2565 เพื่อสร้างความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องให้กับสื่อมวลชนนำไปเผยแพร่ให้กับประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทราบข้อมูลเกี่ยวกับการเลือกตั้งกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยาได้ครอบคลุม แพร่หลายและออกมาใช้สิทธิได้อย่างถูกต้อง
โดยแสวง ระบุว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีความพิเศษ ซึ่งดูจากการโหมโรงตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้งจนถึงเวลานี้ ผู้สมัครก็มีชื่อเสียงและมีผู้คนรู้จัก ขณะที่พรรคการเมืองก็ส่งผู้สมัครกันหลายพรรค ทั้งนี้ ความพิเศษนี้จะมีความสลับซับซ้อนในการหาเสียง โดยเฉพาะที่หลายพรรคการเมืองเข้ามาหาเสียงด้วย
จากนั้น มาณวิกา ทองประเสริฐ รองผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร ยอมรับ เป็นห่วงผู้สมัครผู้ว่าฯ กทม.ที่จะรู้ไม่เท่าทันเรื่องการจัดเลี้ยงกองเชียร์ในวันรับสมัคร หรือมีขบวนแห่ รำกองยาว เพราะจะถือว่า เป็นการจัดให้มีมหรสพ ซึ่งผิดกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น นอกจากนี้ กกต.กทม. ได้เตรียมความพร้อม โดยเฉพาะการป้องปรามการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง โดยจัดชุดตำรวจเคลื่อนที่เร็วคอยตรวจตราการเลือกตั้ง เขตละ 3 คน รวม 150 คน ใน 50 เขต ของ กทม.
ขณะที่ ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ก รองเลขาธิการ กกต. กล่าวถึงการดำเนินการสืบสวนและข้อห้ามในการเลือกตั้งกรุงเทพมหานครและเมืองพัทยา โดยยอมรับว่า จากการเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านมา มีการกระทำความผิดมากมาย บางครั้งก็รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ซึ่งหลายเรื่องนั้นมีโทษหนักมากและมีหลายข้อหา ถึงขั้นจำคุก 1-10 ปี ปรับ 20,000-600,000 บาท ตัดสิทธิเลือกตั้งถึง 20 ปี จึงอยากฝากบอกผู้สมัครในเรื่องคุณสมบัติ เพราะมีผู้สมัคร ส.ว. กว่า 300 คน ขาดคุณสมับติ ผู้สมัคร ส.ส. 200 คน ผู้สมัครเลือกตั้งท้องถิ่น 3 ประเภท คาดว่า ต้องดำเนินคดีอีก 1,000 คน ทั้งนี้ เมื่อสมัครแล้วก็ห้ามถอน ดังนั้น ต้องคิดให้ดีก่อนจะลงสมัคร เพราะหากรู้แล้วว่าไม่มีคุณสมบัติแล้วยังสมัคร ถือว่ามีความผิด
ดังนั้น ขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติของตัวเองให้ดี อย่าคิดว่า มีเวลา มีเงิน มีพวก แล้วชวนกันไปสมัครเอาสนุกเข้าว่า เพราะหากคุณสมบัติไม่ครบ ก็จะมีประวัติถูกดำเนินคดีติดตัวไปด้วย โดยเฉพาะผู้ที่เคยถูกดำเนินคดีตามที่กฎหมายกำหนด จะถือว่าขาดคุณสมบัติ รวมทั้งกรณีขนคนไปเลือกตั้ง การสัญญาว่าจะให้ จัดให้มีเล่นพนันเลือกตั้ง โทษหนักจำคุก -10 ปี ก็ขอให้ผู้สมัครระมัดระวังให้ดี เพราะคดีเหล่านี้ โทษหนักทั้งสิ้น ทั้งนี้ หากใครมีเบาะแสและหลักฐาน ก็สามารถแจ้งมายัง กกต.หรือ ผอ.การเลือกตั้งประจำจังหวัดได้ เพื่อดำเนินการจับกุมต่อไป และหากเป็นหลักฐานที่สามารถเอาผิดได้จริง ก็จะมีเงินรางวัลนำจับสูงสุดถึง 100,000 บาทด้วย โดยที่ประชาชนสามารถเข้าไปแจ้งในแอพพลิเคชั่น ตาสับปะรดได้ อย่างไรก็ตาม ยังเตือนประชาชนว่า การซื้อเสียง ไม่ใช่แค่ผู้ให้เงินที่มีความผิด แต่ผู้รับเงินก็มีความผิดด้วยเช่นกัน โดยมีอัตราโทษจำคุกสูงสุดถึง 10 ปี ปรับถึง 100,000 บาท
ในช่วงท้าย แสวง ยังย้ำเรื่องคุณสมบัติของผู้สมัครว่า กกต.จะตรวจสอบในส่วนที่มีข้อมูลอยู่ในฐานของรัฐ ด้วยการขอข้อมูลจากหน่วยงานของรัฐ 20 กว่าหน่วย แต่บางข้อมูลไม่มีในฐาน ดังนั้น ตามกฎหมายจึงกำหนดให้ผู้สมัครรับรองตัวเอง หากตรวจเจอในภายหลังก็จะถูกดำเนินคดีทางอาญา ส่วนการหาเสียงนั้น ต้องระมัดระวังเรื่องการใช้ตำแหน่งหน้าที่ในการหาเสียง ถึงแม้จะหาเสียงนอกเวลาราชการ ก็ถือว่า ผิด เช่น นายอำเภอ มีญาติเป็นผู้สมัคร และไปรับประทานอาหารเที่ยงแล้วบอกคนอื่นว่า ขอให้เลือกน้องชายของตนเองนั้น แบบนี้สามารถทำได้ แต่หากนายอำเภอ เรียกประชุมผู้ใหญ่บ้าน เพื่อบอกให้เลือกผู้สมัคร ก็จะถือว่า ผิด
แสวง กล่าวอีกว่า เมื่อปิดหีบ แล้วตรวจสอบพบว่า ผู้แสดงตนมาใช้สิทธิกับจำนวนบัตรเท่ากัน แต่นับคะแนนกลับต่างกัน ก็ต้องนับคะแนนใหม่ แต่หากผู้มาแสดงตนใช้สิทธิกับจำนวนบัตรไม่ตรงกัน ซึ่งอาจจะเกิดจากคนนำบัตรออกจากหน่วยเลือกตั้ง หรือเหตุอื่นๆ แต่ทำให้บัตรหายไป กรณีนี้ต้องลงคะแนนใหม่ ซึ่งจะต่างจากกรณีแรก ทั้งนี้ หากข้อเท็จจริงตรวจสอบแล้วพบต้นเหตุว่ามีที่มาที่ไป เช่น มีการฉีกบัตรเลือกตั้ง ทำให้จำนวนบัตรไม่ตรงกัน ก็ไม่ต้องนับคะแนนหรือลงคะแนนใหม่