Skip to main content

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย พร้อมสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ยื่นคำร้องต่อประธาน กกต. ขอให้เอาผิดกับพรรคการเมืองขนาดเล็ก หลังมีกระแสข่าว ส.ส.พรรคการเมืองขนาดเล็กรับเงินจากพรรคการเมืองใหญ่ เพื่อแลกกับการโหวตลงมติไว้วางใจรัฐบาล รวมทั้งตรวจสอบว่าการกระทำดังกล่าวเข้าข่ายพรรคการเมืองใหญ่ครอบงำ ชี้นำการดำเนินกิจกรรมการทางการเมืองเข้าข่ายขัด มาตรา 28 และมาตรา 29 พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองเป็นเหตุให้ยุบพรรค     

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า บรรดาพรรคเล็กที่ชอบกินกล้วยต้องหันไปซบพรรคใหญ่ ซึ่งส่วนใหญ่คือพรรคพลังประชารัฐ และปล่อยให้พรรคพลังประชารัฐเข้าครอบงำโดยไปรับเงินรายเดือนจากเขา เช่น พรรคพลังไทยรักไทย พรรคประชาธรรมไทย  พรรคพลังธรรมใหม่ พรรคครูเพื่อประชาชน พรรคพลังชาติไทยที่ไปพบปะกันที่มูลนิธิป่ารอยต่อฯ และมีร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นผู้จ่ายเงิน แม้แกนนำพรรคการเมืองขนาดเล็กจะอ้างว่าเงินที่ได้รับเป็นเงินกู้ ก็ไม่น่าเชื่อถือ

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าวว่า เรามีคลิปเสียงหัวหน้าพรรค 7 พรรคที่พูดสารภาพว่ารับเงินจริง เป็นหลักฐานยืนยันชัดเจน ซึ่งถือว่าเป็นกระทำผิดพ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคเมือง คนที่ยินยอมให้เขาครอบงำควบคุมพรรคมีความผิดตามมาตรา 28   มีโทษถึงยุบพรรค ส่วนพรรคพลังประชารัฐที่เข้าไปครอบงำเขาจะมีโทษหนักกว่า โดยหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารมีโทษจำคุกตั้งแต่1-5 ปี ปรับ 1แสน -5 แสนบาท

“ในอดีตพรรคไทยรักไทยเคยเข้าไปครอบงำจ้างพรรคเล็กไม่ให้ลง ก็ถูกตัดสิทธิไป อันนี้ถ้าว่ากันตรง ๆ ตามพยานหลักฐาน ไม่เอาพลังอำนาจจากไหนมาบีบกกต. ขอให้กกต.อิสระจริง ๆ การกระทำนี้ต้องถือว่าเป็นความผิดทั้งผู้ให้ ผู้รับ มันไม่ใช่เรื่องยากเลย ถ้ากกต.ไม่เบี้ยวนะ พยานหลักฐานที่เรานำมามอบให้กกต.มันชัดเจน สามารถนำไปสู่การยุบพรรคได้ และอีกทางหนึ่งกรณีนี้ถือว่ารับทรัพย์สินเกินกว่า 3 พันบาท ก็ได้ยื่นร้องต่อ ป.ป.ช.แล้ว” พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ กล่าว

ด้านสมชัย กล่าวว่า ที่ยื่นวันนี้เพื่อแสดงให้เห็นว่ากฎหมายศักดิ์สิทธิ์ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองในมาตรา 28  มาตรา29 เขียนไว้อย่างชัดเจนว่าการที่บุคคลภายนอกมาครอบงำพรรคการเมืองมีความผิดชัดเจน ซึ่งการเขียนกฎหมายดังกล่าวนั้นเพื่อให้พรรคการเมืองทำกิจกรรมของพรรคอย่างเป็นอิสระ ไม่ใช่อยู่ภายใต้อาณัติการชี้นำ การบงการของคนภายนอก เรื่องพรรคการเมืองที่ครอบงำซึ่งกันและกันเคยมีคดีแล้วเมื่อวันที่ 2 กุมภาพันธ์ 2549 ขณะนั้นมีเหตุการณ์ที่ว่าพรรคใหญ่ครอบงำพรรคเล็ก โดยการให้พรรคเล็กโกงการเลือกตั้ง เพื่อให้ได้คะแนนเสียงไม่เกิน 20% ของคนที่มาใช้สิทธิเลือกตั้ง   จากนั้นมีการฟ้องร้องกกต. และพรรคการเมืองที่ทำความผิด

“กกต.โดนข้อหาไปสนับสนุนให้พรรคใหญ่ทำผิดได้ ด้วยเหตุที่ว่ากกต.ไปหย่อนเวลาในการรับฟังเพื่อให้มีการเลือกตั้งเร็ว ๆ และกกต.อนุญาตให้พรรคเล็กย้ายพรรค ซึ่ง 2 ข้อกล่าวหานั้นเป็นเพราะกกต.วางตัวไม่เป็นกลางในการเลือกตั้งครั้งนั้น ผลที่เกิดขึ้นคือกกต.ติดคุกและพรรคการเมืองใหญ่นั้นถูกยุบ ดังนั้น หลักฐานในเหตุการณ์ครั้งนี้ชัดเจนว่ามีการให้เงินสนับสนุนพรรคการเมืองเป็นรายเดือน มีการโอนเงินเข้าโอนออก ทราบเลขบัญชีและมีชื่อคนที่เกี่ยวข้อง หลักฐานชัดเจนขนาดนี้ เป็นเรื่องที่กกต.ต้องดำเนินการโดยเร็วและตรงไปตรงมา” สมชัย กล่าว

สมชัย กล่าวว่า ภายใต้สภาพ กกต. ที่เป็นอยู่ปัจจุบันสามารถดำเนินการได้เสร็จภายใน 1 เดือน จากนั้นถ้ากกต.มีความเห็นสอดคล้องกับการยื่นคำร้องนี้ กกต.ต้องยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งถ้าเปรียบเทียบกับคดียุบพรรคที่ผ่านมาในอดีต เชื่อว่าจะดำเนินการได้ 15 วันก็เสร็จ หวังว่าวันนี้ที่มายื่นจะทำให้กกต.ทำงานได้อย่างตรงไปตรงมา  และต้องสื่อสารกับประชาชนว่าเรื่องนี้คืบหน้าอย่างไรบ้าง

“เท่าที่ดูคะแนนความโปร่งใสของกกต.คือสอบตก ฉะนั้นเรื่องนี้จะเป็นการกู้คืนศักดิ์ศรีของกกต.ว่าทำงานตรงไปตรงมา วันนี้อาจจะมีคนที่ท่านคิดว่าเขาช่วยเหลือท่านอยู่ แต่วันหน้าเรื่องราวเหล่านี้ยังถูกรื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ได้ตลอดเวลา จึงอยากขอเตือนในนามคนที่เคยเป็นกกต.มาก่อนว่าเราเองไม่ปรารถนาจะเห็นคนของกกต.นั้นเป็นคดีความ หรือจะต้องติดคุกตอนแก่” สมชัย กล่าว