พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงการบูรณาการความร่วมมือ 7กระทรวง : การพัฒนาคนตลอดช่วงชีวิต(กลุ่มเด็กปฐมวัย และผู้สูงอายุ) พ.ศ.2565-2569 ว่า เป็นการลงนามร่วมกัน 7 กระทรวง เพื่อดูเด็กปฐมวัยและผู้สูงอายุ ถือเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ชาติของเราที่ต้องดำเนินการให้เกิดความต่อเนื่อง และเข้าเชิงลึกให้มากขึ้นเรื่อยๆ ต้องเตรียมความพร้อมคนของเรา ทุกคนมีค่ามีส่วนร่วมในสังคม
โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้สูงอายุจะทำอย่างไรไม่ให้เป็นภาระของครอบครัว มีอาชีพที่สามารถดูแลตัวเองได้ อันไหนที่ไม่ได้จริงๆ ต้องมีมาตรการอื่นในการดูแล เราจะต้องขับเคลื่อนตรงนี้ เพราะเรากำลังก้าวสู่ประเทศสังคมสูงวัยอย่างเต็มภาคภูมิ เพราะเรารักษาดี ดูแลดี ด้านสุขภาพดี จึงทำให้คนอายุยืนมากขึ้นเรื่อยๆ ขณะเดียวกันคนเกิดขึ้นน้อยลง สื่อที่นั่งอยู่ก็ไม่แต่งงานกันหลายคน ไม่สร้างคนวัยแรงงานขึ้นมาใหม่ เหลือแต่คนสูงวัย
"วันนี้ต้องใช้หลายอย่างขับเคลื่อน โดยต้องทำงานอย่างต่อเนื่อง ไม่ใช่ทำพูดวันหนึ่งแล้วก็เลิก พูดไปมันก็ได้เท่านั้น ดูที่การกระทำดีกว่าว่าได้ทำอะไรไปแล้วบ้าง ทุกคนที่อยู่กับผมก็ร่วมกันทำมาหลายปีแล้ว ก็ต้องดูว่าผลงานสำเร็จอะไรไปแล้วบ้าง เราคาดหวังว่าถ้าทำต่อเนื่องไปเรื่อยๆ อันนี้ไม่เกี่ยวกับการเมืองนะ ถ้าได้ทำเราก็จะทำต่อเนื่องไป สานต่อสิ่งที่มันสำเร็จ และสิ่งที่กำลังใกล้สำเร็จ หรือที่ยังไม่สำเร็จ ทุกคนรู้ปัญหาดีหมด ไม่ว่าใครจะออกมาพูด รู้ปัญหาประเทศไทยหมดทุกคนนั่นแหละ แต่มันอยู่ที่จะทำอย่างไร How to do คือสิ่งสำคัญ จะทำได้หรือไม่ สิ่งที่ผมต้องขอบคุณคือบรรดาพี่น้องคนไทยทั้งประเทศที่ร่วมมือกับเรามาโดยตลอด หลายอย่างมีความก้าวหน้า อย่างเห็นได้ชัด ขณะที่หลายอยู่ในขั้นตอนที่ต้องแก้ไข สิ่งเหล่านี้เพราะความเข้าใจการทำงานของรัฐบาลวันนี้ผมขอกราบเรียนว่า ผมย้ำไปแล้วว่าการทำงานทุกคนมีความสำคัญเท่ากันหมด ไม่ใช่นายกรัฐมนตรีเก่งที่สุด มันไม่ใช่ นายกรัฐมนตรี รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี และข้าราชการทุกคน คือทีมงานที่ต้องทำ จะต้องร่วมมือกันในทุกมิติ ทุกระดับ ทุกพื้นที่ ขณะเดียวกันก็มีพี่น้องประชาชนอยู่กับเราด้วย คำว่าอยู่กับเราคือช่วยกันทำงาน เพื่อใคร ก็เพื่อตัวเอง รัฐบาลมีจิตปรารถนาแค่นั้น" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า วันนี้หลายๆ อย่างเราพยายามแก้ไขให้ดีที่สุด มันไม่มีอะไรที่จะสำเร็จได้มาง่ายๆ เราต้องผจญปัญหาฟันฝ่าอุปสรรคหนักมากมาย ทำไมถึงพูดอย่างนี้ เพราะอยู่มาหลายปีและก็รู้ว่าอะไรมันเกิดขึ้น และอะไรมันจะเกิดขึ้นอีก เราก็พยายามป้องกันไม่ให้มันเกิดขึ้นมาอีกในสิ่งที่ทำให้ประเทศเราพัฒนาช้าเกินไป พยายามอย่างเต็มที่อย่างยิ่งยวด หน้าที่นายกรัฐมนตรีมีตรงไหน ทำตรงนั้น
โดยคณะทำงานทั้งหมดที่ยืนอยู่ข้างหลัง เป็นผู้ที่จะนำนโยบายไปสู่การปฏิบัติ ติดตามกำกับดูแลร่วมมือกับพี่น้องข้าราชการทั้งหลาย ต้องให้กำลังใจกัน ถ้ามัวแต่ตำหนิต่อว่ากัน คนทำมันก็หมดกำลังใจ ได้แต่บอกว่าอย่าท้อแท้แล้วกัน สิ่งเหล่านี้คือความท้าทายของประเทศไทย ที่วันนี้ยังมีปัญหาอยู่อะไรก็แล้วแต่ หรือยังเดินไปข้างหน้าไม่ได้ หรือทำไม่เสร็จ ทำไม่ได้ นั่นคือความท้าทาย เป็นการท้าทายกับประเทศไทย และคนทั้งประเทศว่าจะได้หรือจะไม่ได้ ประเทศไทยจะดีขึ้นหรือไม่ดีขึ้น ทุกคนร่วมรับชะตากรรมกันหมด ถ้าเราไม่รักกัน ไม่ร่วมมือกัน เหมือนอย่างที่บอกรักทุกคน และพยายามทำให้ทุกคน ดังนั้นขอให้ช่วยกัน สื่อต่างๆ ก็ช่วยกันนิดหนึ่ง ก็เห็นอยู่แล้วว่ามันขัดแย้งกัน ก็มีตัวอย่างอยู่แล้ว ขัดแย้งมาก ขัดแย้งน้อย มันเกิดอะไรกับประชาชนในประเทศ ไม่ต้องการให้อะไรมันเกิดขึ้นทั้งสิ้น
เมื่อถามว่า งบประมาณสนามบินเบตงที่มีปัญหาจะจัดการอย่างไร และได้รับรายงานการลงนามด้านความร่วมมือแลกเปลี่ยนข้อมูลข่าวสาร ระหว่างสถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 และ รัสเซีย จีน อิหร่าน แล้วหรือไม่ โดยนายกรัฐมนตรีไม่ตอบคำถาม พร้อมเดินขึ้นตึกไทยคู่ฟ้าทันที