Skip to main content

'เท่าพิภพ' อัด รัฐบาล กระตุ้นการท่องเที่ยว 'ไร้ยุทธ์ศาสตร์' - ชี้ หากก้าวไกลเป็นรัฐบาล จะใช้ Creative Content Industry มาช่วยขยายการท่องเที่ยว

เท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรกรุงเทพมหานคร พรรคก้าวไกล ร่วมอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลแบบไม่ลงมติตามมาตรา 152 เกี่ยวกับการส่งเสริมและกระตุ้นการท่องเที่ยวที่ล้มเหลวของรัฐบาล 

เท่าพิภพ เริ่มต้นอภิปรายโดยกล่าวว่า ใน 2 ปีที่ผ่านมาการท่องเที่ยวในประเทศไทยถือว่าวินาศสันตะโรเพราะไวรัสโควิด-19 และการปิดประเทศ แต่ถ้าจะมองให้ดีให้ชัด อาจไม่ใช่แค่ 2 ปี แต่เป็นตั้งแต่การทำรัฐประหารของประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำให้การท่องเที่ยวในประเทศซบเซา ส่งผลให้ประชาชนตกงานกว่า 3 ล้านคน

เท่าพิภพ เริ่มยกตัวอย่างประชาชนในเขตพื้นที่ของตนมีหลายต่อหลายอาชีพที่ได้รับผลกระทบอย่างเช่น พนักงานโรงแรม รวมถึงคนขับเรือท่องเที่ยว ทำให้ต้องเป็นภาระคนในครอบครัว สถานการณ์มันช่างน่าสิ้นหวัง แม้ว่ารัฐบาลพยายามจะช่วยเหลือ แต่ก็ไม่เกิดผล เพราะรัฐบาลขาดการวางยุทธศาสตร์และแผนงานที่ชัดเจน ผู้ประกอบการหลายรายที่ตนรู้จัก หนึ่งในนั้นคืออดีตเจ้านายของตน ที่ใช้เงินก้อนสุดท้ายของชีวิตไปกับกิจการ เพราะได้ยินข่าวว่ารัฐบาลจะเปิดประเทศ แต่สุดท้ายก็กลับมาปิดประเทศอีกครั้ง ทำให้อดีตเจ้านายของตนนั้นไม่เหลืออะไร มีแต่คราบน้ำตาและเสียงร้องไห้

มาตรการการท่องเที่ยวที่ล้มเหลวทั้งกระดาน รัฐบาลออกโครงการกระตุ้นการท่องเที่ยวหลายต่อหลายโครงการแต่ก็ไม่สามารถประสบผลสำเร็จ อย่างเช่น โครงการกำลังใจ ที่ออกมาให้ อสม. ไปเที่ยว โครงการเราเที่ยวด้วยกัน รวมถึงโครงการทัวร์เที่ยวไทย ซึ่งทั้ง 3 โครงการนี้พลาดเป้าทุกโครงการ

"อย่างโครงการทัวร์เที่ยวไทย ที่ออกมาให้ประชาชนซื้อทัวร์ของคนไทยเที่ยวในประเทศไทย จำกัดสิทธิ์ 1 ล้านสิทธิ์ แต่คนออกมาใช้สิทธิ์ราว 24,419 สิทธิ์  เบิกจ่ายจริงแค่ 61 ล้านบาทจากงบกว่า 5,000 ล้านบาท แบบนี้ไม่ให้เรียกว่าล้มเหลวแล้วจะให้เรียกว่าอะไร แล้วยังมีหน้ามาบอกว่าตอนนี้คนไทยเปลี่ยนพฤติกรรมการท่องเที่ยวต้องขับรถเที่ยวกับครอบครัว ถ้ารู้อย่างนี้แล้วจะขอเงินมาออกเป็นโครงการนี้ทำไม"

นอกจากนี้ ททท. ยังใช้งบประมาณมหาศาลในการจัดกิจกรรมกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยเป็นการจ้างศิลปินชื่อดังมา แต่ผลการตอบรับนั้นถือว่าแย่กว่าการจัดแสดงลิเกที่วัดท่าพระเสียอีก

"ถ้ามีเงินร้อยล้านในการจัดอีเว้นท์ ผมว่าเอาเงินไปจ้างคอนเทนต์ ครีเอเตอร์ชื่อดังจากทั่วโลก แล้วตั้งแฮชแท็ก #Easythailand เข้าไทยง่ายเที่ยวไทยคล่อง ไม่เกิน 2 สัปดาห์ ผมมั่นใจว่าจะกระตุ้นการท่องเที่ยวได้ผลกว่าที่ทำในตอนนี้อย่างแน่นอน"

มาตรการเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าจริงๆ แล้ว ททท. ไม่เคยทำอะไรเลย ทั้งๆ ที่การท่องเที่ยวคือรายได้หลักของประเทศ หรืออาจเป็นเพราะการส่งเสริมการท่องเที่ยวยังเป็นแบบสมัยเก่า ตนคิดว่ามันไม่ใช่ที่จะมาคิดแคมเปญการท่องเที่ยวที่ดูหรูหรา ไปออกบูธต่างประเทศ หรือใช้สถานทูตไปจัดงาน Thai Fest สิ่งเหล่านี้มันคงไม่เพียงพออีกต่อไป

ถ้าพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล เท่าพิภพ กล่าวว่า อย่างแรกที่เราจะทำก็คือ การพยุงการจ้างงาน ถ้ากิจการยังมีอยู่ การจ้างงานยังมีอยู่ การท่องเที่ยวก็ยังจะคงอยู่ ถ้าผู้ประกอบการรายใดไปต่อไม่ไหว ก็จัดสรรงานฝึกอาชีพใหม่ นอกจากนี้จะของดเว้นภาษีที่ดินโดยรัฐบาลจะเป็นผู้อุดหนุนด้วย เพื่อให้ผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็กได้ไปต่อ

"คำสั่งเสียสุดท้ายของผม อยากให้รัฐบาลเปิดประเทศสักที แล้วเอาเงินที่ไปส่งเสริมการท่องเที่ยวแบบไร้ยุทธศาสตร์ กลับมาให้ระบบสาธารณะสุขเพื่อรองรับผู้ป่วย ผมว่าเราต้องเลิกดัดจริตกันได้แล้ว ว่าคนต่างชาติจะเอาโควิดเข้ามาในประเทศ แต่ในขณะเดียวกันเราไม่มีโครงการที่จะทำให้คนในประเทศท่องเที่ยวได้ เพราะสุดท้ายผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวนั้น ต้องการอย่างเดียวคือกลับไปเป็นปกติ"

การกระตุ้นการท่องเที่ยวผ่าน Creative Content industry

อีกหนึ่งสิ่งที่จะทำหากพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล คือการส่งเสริมการท่องเที่ยวอย่างมียุทธศาสตร์ โดยที่รัฐมนตรีการท่องเที่ยวต้องจับมือกับรัฐมนตรีวัฒนธรรม คือจะต้องทำงานร่วมกันในการส่งเสริมอุตสาหกรรมสร้างสรรค์ เพื่อที่จะเป็นตัวผลักดันนโยบายส่งเสริมการเอาคอนเทนต์ช่วยกระตุ้นการท่องเที่ยว ซึ่งอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์ หรือ Creative Content industry จะสามารถกระตุ้นเศรษฐกิจในโลกยุคใหม่ได้อย่างแน่นอน

นอกจากนี้เรายังจะได้อำนาจการชักนำทางการตลาดจากอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสร้างสรรค์นี้อีกด้วย ซึ่งตรงนี้จะนำไปสู่การขายผลิตภัณฑ์ในประเทศต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสุรา บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือแม้แต่ข้าวไทย และในที่นี้ก็คือการท่องเที่ยวไทย

สุดท้ายถ้าอภิปรายแล้วไม่ได้พูดเรื่องสุราก็คงจะไม่ใช่ตน ซึ่งตนคิดว่า "เราต้องเล่าเรื่องจากเรื่องเหล้า" ประเทศไทยมีวัฒนธรรมที่หลากหลายในการดื่มสุรา แต่ละภูมิภาคก็จะมีวัฒนธรรมการดื่มที่แตกต่างกันออกไป และร้านอาหารไทยนั้นมีอยู่ทั่วโลก ซึ่งร้านเหล่านี้จะเป็นแพลตฟอร์มให้กับสุราไทย เราจะยกระดับสุราพื้นบ้านของไทยให้ไปสู่สุราระดับโลก

"คนต่างชาติก็คงสงสัยมานาน ทำไมกินอาหารไทยต้องกินกับเบียร์ไม่กี่ยี่ห้อ ทำไมเราไม่กินอาหารเหนือกับเหล้าขาวสะเอียบ จากจังหวัดแพร่ ทำไมเราไม่กินอาหารอีสานกับสาโทที่มาจากสุรินทร์ หากทำได้จะเปรียบเหมือนยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว แถมยังเป็นการกระจายรายได้สู่ท้องถิ่น และยังกะตุ้นแหล่งท่องเที่ยวตามจังหวัดต่างๆ ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาการกระจุกตัวของแหล่งท่องเที่ยวอีกด้วย"

เท่าพิภพ กล่าวปิดท้ายว่า สิ่งที่ผิดพลาดแล้วมาของรัฐบาลได้อภิปรายไปหมดแล้ว แต่ข้อเสนอแนะที่กล่าวไปข้างต้นนั้น ขอฝากให้รัฐบาลได้ช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยต่างๆ เพราะเขาจะตายกันหมดแล้วจริงๆ การเปิดประเทศเป็นการตัดสินใจที่ไม่ยากและเป็นการติดสินใจที่จำเป็น