Skip to main content

เมียนมาเตรียมเปิดประเทศรับนักเดินทางจากต่างชาติอีกครั้งหลังเกิดรัฐประหาร โดยตั้งเป้าเปิดพรมแดนทางบกที่ติดกับไทยและจีนภายในเดือนธ.ค. นี้ ก่อนจะเปิดรับเที่ยวบินระหว่างประเทศภายในสิ้นไตรมาสแรกของปี 2565

เว็บไซต์หนังสือพิมพ์เดอะสเตรทไทมส์ของสิงคโปร์รายงานว่า สภาบริหารแห่งรัฐซึ่งเป็นรัฐบาลทหารของเมียนมาประกาศแผนดังกล่าวผ่านเว็บไซต์กระทรวงสารสนเทศเมื่อวานนี้ (16 พ.ย.) พร้อมให้เหตุผลว่าอัตราการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ในประเทศดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยจะผ่อนคลายการจำกัดการเดินทางที่เมืองมูเซในรัฐฉานของเมียนมา ซึ่งติดกับเมืองรุ่ยลี่ในมณฑลยูนนานของจีน และที่เมืองท่าขี้เหล็ก เกาะสองและทีคี ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนไทย

ทั้งนี้ จีนถือเป็นผู้ลงทุนรายใหญ่ที่สุดอันดับ 2 ของเมียนมา ส่วนไทยเป็นอันดับ 3 โดยเมื่อปี 2562 ก่อนการระบาดใหญ่ของโควิด-19 นักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่ที่สุดที่เดินทางเข้าเมียนมามาจากจีนและไทย สัดส่วนนักท่องเที่ยวจากทั้ง 2 ประเทศจากจำนวนนักท่องเที่ยวนานาชาติทั้งหมดที่เดินทางไปเมียนมาคิดเป็นร้อยละ 39 และร้อยละ 14 ตามลำดับ

‘หม่อง หม่อง ออน’ รัฐมนตรีกระทรวงสารสนเทศของรัฐบาลทหารเมียนมาระบุกับเดอะสเตรทไทมส์ว่า จะประกาศระเบียบการสำหรับผ่อนคลายมาตรการจำกัดการเดินทางที่ชายแดนและสำหรับเที่ยวระหว่างประเทศในเดือนม.ค. ซึ่งจะครอบคลุมถึงข้อกำหนดด้านการกักตัวและตรวจหาเชื้อสำหรับนักเดินทาง รวมถึงข้อกำหนดด้านวีซ่า โดยหม่อง หม่อง ออน ระบุว่าโควิด ‘ไม่ใช่ประเด็นอีกต่อไป’ ในเมียนมา รัฐบาลได้รับวัคซีนอย่างต่อเนื่อง ส่วนใหญ่มาจากจีนและผู้บริจาครายอื่นๆ จนถึงวันที่ 12 พ.ย. กระทรวงสาธารณสุขได้ฉีดวัคซีนอย่างน้อย 1 โดส ให้กับประชากร 14.4 ล้านคนที่อายุ 18 ปีขึ้นไป หรือคิดเป็นร้อยละ 42.5 ของประชากร และจะเพิ่มเป็นครึ่งหนึ่งของประชากรภายในสิ้นปีนี้ โดยยังเผยว่าเมียมาจะมีวัคซีนเพียงพอฉีดให้ประชากรทั้งหมดภายในเดือน เม.ย. ปีหน้า ขณะที่ผู้ได้รับวัคซีนแล้วครอบคลุมถึงนักโทษและสมาชิกกลุ่มติดอาวุธชาติพันธุ์ แต่หม่อง หม่อง ออน ระบุว่ายังมีบางคนที่เข้าร่วมกิจกรรมต่อต้านรัฐประหารที่ลังเลต่อการลงทะเบียนฉีดวัคซีน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเมืองใหญ่ต่างๆ

เป็นเวลา 20 เดือน นับตั้งแต่มีรายงานพบผู้ติดโควิด-19 รายแรกในเมียนมาเมื่อวันที่ 23 มี.ค. 2563 จนถึงตอนนี้กระทรวงสาธารณสุขเมียนมาระบุว่ามีผู้ติดเชื้อสะสม 511,717 ราย และมีผู้เสียชีวิต 18,899 ราย ขณะที่หลังรัฐประหาร 1 ก.พ. ก็ส่งผลให้เกิดการปะทะระหว่างพลเรือนที่ต่อต้านการยึดอำนาจของกองทัพจนทำให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันคน และเกิดการนัดหยุดงานทั่วประเทศที่ส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหยุดชะงัก โดยแผนเตรียมเปิดพรมแดนของเมียนมามีขึ้นในขณะที่ยังมีรายงานการปะทะเกิดขึ้นระหว่างพลเรือนกับกองทัพเมียนมา และธนาคารโลกก็คาดว่าการเติบโตทางเศรษฐกิจของเมียนมาในปีนี้อาจจะหดตัวลงมากกว่าร้อยละ 18

อย่างไรก็ตาม รัฐมนตรีสารสนเทศเมียนมากลับยืนยันว่า เหตุการณ์ความรุนแรงภายในประเทศบรรเทาลงแล้วและจะไม่เป็นภัยต่อนักท่องเที่ยว การท่องเที่ยวภายในประเทศเพิ่มขึ้นและโรงแรมหลายแห่งได้ถูกจองสำหรับฤดูวันหยุด นอกจากนี้ ยังเผยว่ากำลังมีการร่างแผนฟื้นฟูเศรษฐกิจ และค่าเงินจ๊าดของเมียนมาก็มีเสถียรภาพอยู่ที่ 1,800 จ๊าดต่อ 1 ดอลลาร์สหรัฐฯ หลังจากร่วงลงไปที่กว่า 2,000 จ๊าดเมื่อ 2 เดือนที่ผ่านมา

อ้างอิง : Myanmar says Covid-19 and internal conflict on the wane, looks to reopen borders