Skip to main content

'ก้าวไกล' ชี้สาระสำคัญ แก้ ม.112 ย้ายฐานความผิดหมิ่นฯ ออกจากหมวดความมั่นคงของรัฐ ระบุถึงเวลาคืนสิทธิประกันตัว หากจำเป็นก็ต้องนิรโทษกรรม

ที่รัฐสภาฯ ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย ส.ส.พรรคก้าวไกล ร่วมแถลงข่าว

ชัยธวัช กล่าวว่า ความคืบหน้าของการเสนอชุดร่างกฎหมายคุ้มครองเสรีภาพในการแสดงออก และสิทธิในกระบวนการยุติธรรมของประชาชน ซึ่งพรรคก้าวไกล ได้เคยยื่นต่อสภาผู้แทนราษฎรไปแล้วตั้งแต่ เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ที่ผ่านมา โดยทั้ง 5 ร่างประกอบด้วย 1.ร่าง พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ (ฉบับที่…) เป็นการแก้ไขกฎหมายให้สอดคล้องกับเจตนารมณ์ในการเอาผิดต่ออาชญากรรมในระบบคอมพิวเตอร์ ไม่ใช่เป็นการนำกฎหมายไปใช้เพื่อปิดกั้นเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นในโลกออนไลน์ 2.ร่างพ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา (ฉบับที่…) พ.ศ. … 3.ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง (ฉบับที่…) พ.ศ. …. ซึ่งทั้ง 2 ฉบับนี้ เพื่อสร้างกลไกคุ้มครองประชาชนจากการถูกฟ้อง คดีปิดปาก โดยหน่วยงานรัฐหรือเอกชน ในกรณีที่ประชาชนใช้สิทธิเสรีภาพในการเข้าไปมีส่วนร่วมกับประเด็นสาธารณะต่างๆ หรือตรวจสอบการดำเนินงานของรัฐและเอกชน ซึ่งในต่างประเทศเรียกกันว่า anti-SLAPP (Strategic Lawsuit Against Public Participation) laws

ชัยธวัช กล่าวว่า 4.ร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา พ.ศ. …. มีการแก้ไขเพื่อเพิ่มบทลงโทษกรณีเจ้าหน้าที่บิดเบือนกฎหมาย ทำให้เราสามารถเอาผิดเจ้าพนักงานในกระบวนการยุติธรรมที่กระทำการบิดเบือนกฎหมายต่อประชาชนได้ และ 5. ร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่…) พ.ศ. … เป็นการแก้ไขเกี่ยวกับฐานความผิดหมิ่นประมาททั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหมิ่นประมาทบุคคลทั่วไป ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน ดูหมิ่นศาล รวมทั้งความผิดฐานดูหมิ่น หมิ่นประมาท อาฆาตมาดร้าย ต่อองค์พระมหากษัตริย์ เพื่อประกันเสรีภาพ ในการแสดงออก ให้ได้สัดส่วนกับการเคารพสิทธิหรือชื่อเสียงของประมุขของรัฐ และบุคคลอื่น ให้สอดคล้องกับหลักเสรีภาพ ในระบอบประชาธิปไตยสมัยใหม่

"ความคืบหน้าจนถึงวันนี้ปรากฏว่า มีเพียงร่างกฎหมาย 4 ฉบับแรกเท่านั้น ที่ถูกนำเข้าสู่กระบวนการรับฟังความคิดเห็นและวิเคราะห์ผลกระทบเพื่อบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมของสภาผู้แทนราษฎร เนื่องจากร่างกฎหมายฉบับสุดท้าย ซึ่งมีการแก้ไข ม.112 ด้วยนั้น ถูกโต้แย้งโดยสำนักการประชุม สภาผู้แทนราษฎร และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรตามลำดับ ว่ามีบทบัญญัติที่อาจขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ม.6 ที่ว่า องค์พระมหากษัตริย์ทรงดำรงอยู่ในฐานะอันเป็นที่เคารพสักการะ ผู้ใดจะละเมิดมิได้" ชัยธวัช กล่าว

ชัยธวัช กล่าวว่า สาระสำคัญในร่างกฎหมายที่มีการแก้ไข ม.112 ของพรรคก้าวไกลนั้น เป็นการย้ายความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท หรือผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ตามมาตรา 112 ออกจากหมวดความผิดต่อความมั่นคงของรัฐ ไปกำหนดเป็นลักษณะความผิดใหม่ คือ ลักษณะความผิดเกี่ยวกับพระเกียรติยศของพระมหากษัตริย์ พระราชินี รัชทายาท และเกียรติยศของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เพื่อให้มีความเหมาะสมทั้งในแง่ของโครงสร้างของบทบัญญัติ อัตราโทษ การยกเว้นความผิด การยกเว้นโทษ และผู้ร้องทุกข์ เพื่อป้องกันไม่ให้บุคคลทั่วไปนำฐานความผิดนี้ไปใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง กลั่นแกล้งผู้อื่น หรือนำไปใช้โดยไม่สุจริต ไม่สอดคล้องกับเจตนารมณ์ของกฎหมาย

ในส่วนที่มีการแก้ไขเพื่อเพิ่มให้มีบทยกเว้นความผิดและยกเว้นโทษ ที่ระบุว่า "ผู้ใดติชม แสดงความคิดเห็น หรือแสดงข้อความใดโดยสุจริต เพื่อรักษาไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพื่อธำรงไว้ซึ่งรัฐธรรมนูญ หรือเพื่อประโยชน์สาธารณะ ผู้นั้นไม่มีความผิด" และ "ถ้าผู้ถูกกล่าวหาว่ากระทำผิดพิสูจน์ได้ว่าข้อที่หาว่าเป็นความผิดนั้นเป็นความจริง ผู้นั้นไม่ต้องรับโทษ แต่ห้ามมิให้พิสูจน์ ถ้าเป็นเรื่องความเป็นอยู่ส่วนพระองค์ และการพิสูจน์ไม่เป็นประโยชน์แก่ประชาชน" ทางสำนักการประชุม สภาผู้แทนราษฎร และสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรโต้แย้งกลับมาว่าเป็นบทบัญญัติที่อาจขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ ม.6

"พรรคก้าวไกลเคยทำหนังสือชี้แจงสำนักการประชุม สภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว และจะยื่นหนังสือต่อสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรและประธานสภาอีกครั้งในวันนี้ เพื่ออธิบายยืนยันว่า เมื่อพิจารณาจากเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ ประวัติศาสตร์รัฐธรรมนูญและกฎหมายของไทย ตลอดจนหลักการสำคัญของระบอบประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์อยู่ใต้รัฐธรรมนูญแล้ว ร่างแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ของพรรคก้าวไกลนั้น ไม่ได้มีเนื้อหาขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 6 แต่อย่างใด จึงขอให้ประธานสภาฯ นำร่าง พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ของพรรคก้าวไกลที่ยังตกค้างอยู่ เข้าสู่กระบวนการรับฟังความคิดเห็นเพื่อบรรจุเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมโดยเร็ว" ชัยธวัช กล่าว

ชัยธวัช กล่าวด้วยว่า พรรคก้าวไกลขอย้ำว่า การจะธำรงรักษาสถาบันพระมหากษัตริย์ไว้ให้คงอยู่คู่กับระบอบประชาธิปไตย ไม่สามารถจะบรรลุได้ด้วยการใช้อำนาจกดบังคับ หรือใช้กฎหมายปราบปรามการแสดงออกของประชาชน แต่สถาบันการเมืองใดๆ ในสังคมสมัยใหม่ย่อมดำรงอยู่ได้ก็ด้วยความชอบธรรมและความยินยอมพร้อมใจจากประชาชน ปฏิเสธไม่ได้ว่าขณะนี้ผู้คนจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ กำลังเรียกร้องให้ยกเลิก ม.112 ถึงเวลาแล้วที่ผู้มีอำนาจต้องคืนสิทธิในการประกันตัวให้แก่ผู้ต้องหาคดี ม.112 รวมถึงคดีความมั่นคงอื่นๆและใช้กลไกทางการเมืองในการยุติคดีการเมืองต่างๆ ไม่ควรมีใครต้องอยู่ในคุกเพราะการแสดงออกทางการเมือง ในที่สุดหากต้องนิรโทษกรรมคดีการเมืองเพื่อคลี่คลายความขัดแย้งในสังคมก็จำเป็นต้องทำ

"ถึงเวลาแล้วที่สังคมไทยต้องตระหนักและเปิดพื้นที่ปลอดภัยในการทบทวนและแก้ไข ม.112 เพื่อหาข้อยุติที่แต่ละฝ่ายซึ่งมีความคิดทางการเมืองต่างกันพอจะรับกันได้ พรรคก้าวไกลหวังว่าเมื่อ ร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้เข้าสู่สภาแล้ว จะได้รับการสนับสนุนจากพรรคการเมืองต่างๆ ก่อนที่จะสายเกินการณ์ ไม่มีทางที่เราจะมีการเมืองที่มีเสถียรภาพมั่นคงได้ หากเรายังมีระบบกฎหมายที่ล้าหลัง ไม่เห็นคนเป็นคนเสมอหน้ากันไม่มีทางที่เราจะมีเศรษฐกิจสังคมที่เจริญก้าวหน้าและเป็นธรรมได้ หากเรายังอยู่ในรัฐโบราณที่ประชาชนไม่ใช่เจ้านาย ประชาชนไม่ใช่เจ้าของประเทศ" เลขาธิการพรรคก้าวไกล กล่าว

เมื่อถามว่า ดูเหมือนว่าพรรคก้าวไกลพยายามดึงการเมืองกับสถาบันฯ มารวมกัน ชัยธวัช กล่าวว่า เราตัดสินใจที่จะนำเรื่องนี้เข้าสู่การพิจารณาในพรรคก้าวไกล และนำเสนอร่างแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 เพราะสถานการณ์การเมืองนอกสภาฯ ไม่ใช่อยู่ดีๆ ก็ลุกขึ้นมาจะทำ แต่เพราะมีสถานการณ์วิกฤตทางการเมืองข้างนอกที่มีการใช้กฎหมายมาตรา 112 และมีคดีมากที่สุดเป็นประวัติศาสตร์ และเราคิดว่าในฐานะพรรคการเมือง ผู้แทนราษฎร และพื้นที่สภาผู้แทนราษฎร ไม่สามารถที่จะงดเว้นหรือไม่สนใจที่จะเอาเรื่องนี้มาอภิปรายกันได้

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ว่าจะมีการผลักดันไปจนถึงการยกเลิกมาตรา 112 ชัยธวัช กล่าวว่า การแก้ไขนี้เราเสนอตั้งแต่เดือน ก.พ. แต่กำลังจะถูกกลไกของสภาฯ ปฏิเสธ โดยอ้างว่าขัดต่อรัฐธรรมนูญและอาจเกิดกระบวนการที่ไม่นำบรรจุเข้าสู่วาระการประชุม เรื่องนี้เป็นกระบวนการต่อเนื่องที่เราทำมา มีบางคนเห็นว่าควรจะยกเลิก บางคนบอกไม่ควรจะยกเลิก ควรจะเพิ่มโทษ ข้อเสนอของเราถือเป็นข้อเสนอที่อยู่ตรงกลางที่พอจะคุยกันได้ และใช้เวทีสภาฯ ให้ดีที่สุด สำหรับการคลี่คลายความเห็นแตกต่างกันในทางการเมือง แต่หากพื้นที่สภาฯ ไม่เปิดให้กับเรื่องที่เป็นปัญหาขัดแย้งกันอย่างแหลมคมอยู่ ก็เป็นไปได้ว่าสุดท้ายจะไม่ได้รับการแก้ไข และสะสมความไม่พอใจไปเรื่อยๆ จนนำไปสู่การยกเลิกในอนาคต และอาจมีปัญหาทางการเมืองอื่นๆ ตามมาอีก

เมื่อถามว่า นอกจากพรรคก้าวไกล มีพรรคอื่นของฝ่ายค้านหรือไม่ที่สนับสนุนการแก้มาตรา 112 พิจารณ์ กล่าวว่า จากการประชุมหัวหน้าพรรคฝ่ายค้านเมื่อช่วงเช้า ยังไม่มีพรรคใดที่แสดงจุดยืนที่จะยื่นร่างแก้ไขอย่างที่พรรคก้าวไกลทำ ไม่มีพรรคร่วมฝ่ายค้านพรรคใด มีความเห็นใกล้เคียงหรือเหมือนกับพรรคร่วมรัฐบาลบางพรรค ที่ไม่เห็นด้วยกับการแก้ไข พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่า จะใช้กลไกสภาเพื่อเป็นการรับเรื่องร้องเรียนต่างๆ รวมถึงเรื่องในลักษณะที่เข้าข่ายเกี่ยวกับมาตรา 112 เพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการต่อไป

ขณะเดียวกัน เพจเฟซบุ๊ก พรรคก้าวไกล - Move Forward Party ระบุว่า จุดยืนพรรคก้าวไกลต่อประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

ม.112 มีปัญหาในทุกมิติ ทั้งตัวบทกฎหมายและการบังคับใช้ พรรคก้าวไกลจะพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อแก้ไข ม.112 โดยข้อเสนอแก้ไข ม.112 ของเราเป็นข้อเสนอที่พอจะพูดคุยกันกับทุกฝ่ายด้วยเหตุและผลได้

ทั้งนี้ เราต้องยอมรับความจริงว่าหากสภาผู้แทนราษฎรไม่ร่วมมือกันอย่างแข็งขันเพื่อช่วยกันแก้ไขให้กฎหมายนี้เป็นธรรมขึ้นได้ สังคมก็จะเหลือเพียงตัวเลือกสุดท้าย คือ การยกเลิก ม.112 ไปอย่างถาวรตามข้อเรียกร้องของประชาชนนอกสภา

หลังจากที่ร่างแก้ไข ม.112 ของพรรคก้าวไกลถูกสำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรดองไว้เป็นเวลากว่า 9 เดือน (ยื่นเข้าสู่สภาฯ มาตั้งแต่วันที่ 10 กุมภาพันธ์ 2564) มาวันนี้ สถานการณ์มีความหนักหนาสาหัส เร่งด่วนขึ้นจนถึงจุดวิกฤต ประชาชนถูกจับกุมคุมขัง เยาวชนถูกจับเข้าคุก ไม่ได้สิทธิประกันตัวนับร้อยคนด้วยข้อหา ม.112 พรรคก้าวไกลจึงจำเป็นต้องขอให้ประธานสภาบรรจุวาระพิจารณาร่างแก้ไข ม.112 ของพรรคก้าวไกลเข้าสู่สภาเพื่อเริ่มการพิจารณาโดยทันที