Skip to main content

'ม.44' พ่นพิษ! 'เพื่อไทย' ชี้ 'ทรัพย์สินชาติ' จ่อถูกแลกชดใช้ความผิดพลาด 'ประยุทธ์' เชิญชวนพี่น้องประชาชนร่วมกันคัดค้าน หลังอนุญาโตตุลาการจะมีคำชี้ขาดข้อพิพาท คสช. สั่งปิดเหมืองทองอัคราฯ 31 ต.ค.นี้  

สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.เชียงใหม่และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน ,จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด และอรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงความเคลื่อไหวกรณีที่คณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ จะมีคำชี้ขาดข้อพิพาทระหว่างบริษัทคิงส์เกต คอนโซลิเดท จํากัด ประเทศออสเตรเลีย ผู้ถือหุ้นใหญ่บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด กับราชอาณาจักรไทย จากการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้า คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งที่ 72/2559 ระงับการทำเหมืองทองคำและประกอบโลหกรรมแร่ทองคำ 

สมพงษ์ กล่าวว่า คำตัดสินชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการ จะออกมาในวันที่ 31 ต.ค.2564 นี้แต่ล่าสุดได้รับทราบมาว่า บริษัท คิงส์เกตฯ ได้แถลงต่อตลาดหลักทรัพย์ ในลักษณะของการเชื่อมั่นว่าแนวโน้มการเจรจากับฝ่ายรัฐบาลไทยจะได้ข้อยุติที่เป็นประโยชน์กับฝ่ายบริษัท คิงส์เกตฯ ซึ่งทำให้พรรคเพื่อไทยกังวลว่าอาจเป็นความเสียหายแก่ประเทศและประชาชนไทย ซึ่งเป็นผลจากการใช้อำนาจ มาตรา 44 ของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และอาจเสียหายไปถึงขั้นที่จะมีการนำทรัพย์สินชาติไปแลกชดใช้ความผิดพลาดดังกล่าว  

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พล.อ.ประยุทธ์ ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ออกคำสั่งระงับการทำเหมืองทองคำและประกอบโลหกรรมแร่ทองคำ เป็นเหตุให้ บริษัทคิงเกตส์ฯ ตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการระงับข้อพิพาทโดยอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศ โดยในช่วงเดือน ก.พ. 2560 ได้เริ่มการไต่สวนคู่กรณีรอบแรกที่ประเทศสิงคโปร์ ซึ่งระหว่างนั้นฝ่ายรัฐบาลโดยกระทรวงอุตสาหกรรมได้ออกมาชี้แจงถึงหนทางการระงับข้อพิพาทเป็นระยะ กระทั่งล่าสุดเมื่อ 23 ก.ย.2564 บริษัทคิงส์เกตฯ ได้ทำหนังสือแจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์ถึงความก้าวหน้าการเจรจากับฝ่ายรัฐบาลไทยซึ่งกำลังจะได้ข้อยุติ ขณะเดียวกันก็แจ้งไปยังคณะอนุญาโตตุลาการขอให้ยืดเวลาการเปิดคำตัดสินชี้ขาดไปเป็นวันที่ 31 ต.ค.2564 เพื่อให้มีการนำข้อสรุปการเจรจาบรรจุในเนื้อหาคำชี้ขาด  

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ด้วยเหตุนี้ทำให้พรรคเพื่อไทยนิ่งเฉยต่อไปไม่ได้ เพราะสิ่งที่ได้ตรวจสอบพบจากถ้อยแถลงของบริษัท คิงส์เกตฯ ต่อตลาดหลักทรัพย์นั้นอาจนำมาสู่ความเสียหายกับประชาชนและอาจเกิดความสูญเสียทรัพย์สมบัติของชาติที่จะต้องนำมาแลกชดใช้ความผิดพลาดของ พล.อ.ประยุทธ์ โดยสาระของถ้อยแถลงดังกล่าว มีใจความสำคัญชี้ให้เห็นแนวโน้มข้อยุติในลักษณะที่ว่า ข้อเสนอต่างๆ ของบริษัทคิงส์เกตฯ จะได้รับการตอบสนองจากรัฐบาลไทยทุกข้อโดยไม่มีข้อจำกัด อาทิ การได้รับอนุญาตให้ดำเนินการเหมืองใหม่ทั้งหมด การสามารถได้รับการอนุญาตให้ทำเหมืองในพื้นที่ใหม่ นอกเหนือจากเหมืองทองชาตรีเดิมที่มีอยู่แล้ว ซึ่งบริษัทคิงส์เกตฯ มีความมั่นใจว่าจะได้รับการสนับสนุนในการลงทุนและระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ และที่สำคัญ คือ ในการทำเหมืองใหม่จะได้รับการดูแลค่าภาคหลวงและภาษีต่างๆ รวมไปถึงกระบวนการอนุมัติอย่างรวดเร็ว ซึ่งสภาพบังคับนี้อาจทำให้เกิดการข้ามขั้นตอน ซึ่งอาจไม่ชอบด้วยวิธีปฏิบัติตามกฎหมายไทย 

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า หากรัฐบาลไทยยินยอมตามที่บริษัทคิงส์เกตฯ แจ้งแนวโน้มข้อยุติดังกล่าวและคำชี้ขาดของคณะอนุญาโตตุลาการออกมาในวันที่ 31 ต.ค.2564 เป็นไปดังนั้น ประเทศไทยจะเสียหายมหาศาล แม้จะเป็นการประนีประนอมแต่ก็จะเท่ากับการเอาสมบัติชาติและประชาชนไปแลกชดใช้ความผิดพลาดของพล.อ.ประยุทธ์และ คสช. หรือแม้แต่ถ้าอนุญาโตตุลาการชี้ขาดว่าทางการไทยเป็นฝ่ายพ่ายแพ้และจะต้องปฏิบัติตามคำชี้ขาด ประเทศและประชาชนไทยจะต้องเป็นผู้ร่วมกันชดใช้ ซึ่งก็ไม่ใช่พลเอกประยุทธ์ ที่จะต้องเป็นผู้ชดใช้

“พรรคเพื่อไทย ไม่ต้องการให้เหตุการณ์เหล่านี้เกิดขึ้น และหากเกิดขึ้น คนที่ต้องรับผิดชอบจะต้องเป็น พล.อ.ประยุทธ์ เพราะเป็นผู้ที่ใช้อำนาจและใช้กฎหมายมิชอบ ทรัพย์สมบัติชาติและทรัพย์สมบัติของประชาชน ไม่ใช่ทรัพย์สมบัติของพล.อ.ประยุทธ์ จะเอาไปแลกชดใช้กับความผิดพลาดของตัวเองไม่ได้” นพ.ชลน่าน กล่าว  

จิราพร สินธุไพร ส.ส.ร้อยเอ็ด กล่าวว่า กรณีเหมืองทองอัครา รัฐบาลซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบโดยตรงแต่กลับไม่เคยอธิบายเรื่องนี้แก่ประชาชน วันนี้ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ ‘จะแพ้คดีก็เสียหาย จะเจรจาก็เสียเปรียบ’ เพราะนอกจากที่อาจจะต้องจ่ายค่าโง่มูลค่ามหาศาลแล้ว ตลอดเวลาในกระบวนการเจรจา ยังพบว่า มีการอนุมัติอาชญาบัตรสำรวจแร่ให้กับบริษัทคิงส์เกตฯ คู่พิพาทกับรัฐบาลไทย เข้าสำรวจเหมืองแร่อย่างเงียบๆ ซึ่งนี่คือการเจรจาที่เอาทรัพยากรประเทศไปแลกเปลี่ยนกับความผิดพลาดของ พล.อ.ประยุทธ์ การเจรจาประนีประนอมใดๆ เท่ากับยอมรับในความผิดพลาดเสียหาย ลุแก่อำนาจ จนต้องสังเวยสมบัติชาติเฉียดล้านไร่ สังเวยค่าโง่ในการใช้อำนาจ ตามมาตรา 44  

“วันนี้แม้ต้องรอคำวินิจฉัยสิ้นเดือนตุลาคม แต่ความเสียหายเกิดขึ้นแล้วเพราะ 1. ทันทีที่ปิดเหมืองทอง ย่อมส่งผลกระทบให้พี่น้องชาวเหมืองตกงาน ข้ออ้างเรื่องปัญหาสิ่งแวดล้อมก็ไม่ได้รับการแก้ไข 2. ส่งผลกระทบเศรษฐกิจทำลายความน่าเชื่อถือประเทศ 3.ใบเสร็จความเสียหายอย่างน้อยที่สุด ค่าใช้จ่ายหลายร้อยล้านบาทในการต่อสู้คดีที่เกิดขึ้นก็มาจากงบประมาณแผ่นดิน ไม่ใช่เงินส่วนตัวของพลเอกประยุทธ์  สุดท้าย ค่าโง่จากเรื่องนี้จึงเป็นมรดกบาปของเผด็จการ ที่ชี้ให้เห็นผลกระทบจากการรัฐประหาร จึงขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศร่วมกับพรรคเพื่อไทยปกป้องทรัพย์สินชาติ ด้วยการร่วมกันลงชื่อคัดค้านการนำสมบัติชาติไปแลกชดใช้ความผิดพลาดของพลเอกประยุทธ์ โดยพรรคเพื่อไทยจะแจ้งช่องทางการลงชื่อให้ทราบต่อไป” ส.ส.ร้อยเอ็ด พรรคเพื่อไทย กล่าว