Skip to main content

สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานอ้างอิงกองกำลังชาติพันธุ์ที่ต่อต้านรัฐบาลทหารเมียนมาว่า จีนได้จัดส่งวัคซีนป้องกันโควิด-19 พร้อมความช่วยเหลือให้กับกองกำลังฝ่ายต่อต้าน ซึ่งถูกมองเป็นการแสดงบทบาทในทั้งสองด้านของจีนทั้งการต่อสู้กับไวรัสและเพิ่มอำนาจของตัวเองในการเมืองอันปั่นป่วนของเมียนมา หลังจากที่ก่อนหน้านี้รัฐบาลจีนได้ส่งวัคซีนให้กับรัฐบาลทหารเมียนมาด้วยเช่นกัน

เอเอฟพีรายงานอ้างอิงกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์ในเมียนมาหลายกลุ่มที่เผยว่า รัฐบาลจีนได้จัดส่งวัคซีนหลายพันโดส บุคลากรการแพทย์และวัสดุก่อสร้างศูนย์กักตัวมาให้ โดยพันเอก 'หน่อบู' โฆษกของกองทัพเอกราชคะฉิ่น (KIA) ระบุว่า เจ้าหน้าที่กาชาดของจีนเข้ามาช่วยเหลือเป็นบางครั้งเพื่อป้องกันการระบาดของโควิด แต่ไม่ได้มาประจำการอยู่ด้วย เจ้าหน้าที่จากจีนเข้ามาแล้วก็กลับออกไป

KIA เป็นหนึ่งในกองกำลังชาติพันธุ์กว่า 20 กลุ่มในเมียนมา ซึ่งหลายกลุ่มเหล่านี้ครอบครองพื้นที่ในเขตชายแดนห่างไกล ทั้งต่อสู้กันเองและต่อสู้กับกองทัพเมียนมาในประเด็นการค้ายาเสพติด ทรัพยากรธรรมชาติและอำนาจปกครองตนเอง แต่ทั้งหมดล้วนเปราะบางต่อการระบาดของโควิด-19 โดยพันเอกหน่อบูระบุว่า ในขณะที่ทั่วพื้นที่ราบของเมียนมาเผชิญการระบาดระลอก 3 ในเดือน ก.ค. กลุ่ม KIAได้ฉีดวัคซีนจีนให้กับประชากรประมาณ 10,000 คน ในเมืองไลซาซึ่งเป็นฐานที่มั่น และบุคลากรสาธารณสุขได้ข้ามแดนจากจีนเพื่อส่งมอบหน้ากากอนามัยและเจลล้างมือให้ด้วย

เช่นเดียวกับพรรคก้าวหน้ารัฐฉาน ที่โฆษกเผยกับเอเอฟพีว่าได้ฉีดวัคซีนจีนให้กับประชาชน 1,000 คน ในพื้นที่ครอบครองแล้ว โดยได้สั่งวัคซีนไปทั้งหมด 500,000 โดส ส่วนโฆษกของกองทัพปลดปล่อยแห่งชาติตะอาง (TNLA) ระบุว่าจีนซึ่งเป็น “เพื่อนบ้านที่ดี” ยังได้ให้สัญญาจะจัดหาวัคซีนให้กับทางกลุ่มด้วยด้วย นอกจากนี้ เอเอฟพียังรายงานว่ามีการสร้างศูนย์กักตัวแห่งใหม่ที่รองรับได้ถึง 1,000 เตียง ในเมืองมูเซในรัฐฉานที่อยู่ติดชายแดนจีน เพื่อรองรับนักธุรกิจที่ต้องการกลับมาทำธุรกิจกับจีนซึ่งมีมาตรการเข้มงวดในการป้องกันโควิด โดยถึงแม้คนงานก่อสร้างศูนย์กักตัวดังกล่าวจะเป็นคนเมียนมา แต่วัสดุก่อสร้างทั้งหมดถูกจัดหามาโดยทางการในมณฑลยูนนานของจีน

ก่อนหน้านี้ จีนได้จัดสรรวัคซีนป้องกันโควิดเกือบ 13 ล้านโดส ให้กับรัฐบาลทหารเมียนมาที่ยึดอำนาจจากรัฐบาลพลเรือนของ 'อองซาน ซูจี' ซึ่งการยึดอำนาจดังกล่าวได้นำเมียนมาและระบบสาธารณสุขของประเทศเข้าสู่ความปั่นป่วน นอกจากนี้จีนยังถือเป็นพันธมิตรหลักของรัฐบาลทหารที่ปฏิเสธเรียกการโค่นล้มรัฐบาลพลเรือนเมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมาว่าเป็นการรัฐประหาร อย่างไรก็ตาม การให้ความช่วยเหลือกองกำลังฝ่ายต่อต้านไม่ได้ถูกประกาศเหมือนการดำเนินนโยบายการทูตอื่นๆ ของจีนในเอเชียและแอฟริกา โดยเอเอฟพีระบุว่า เมื่อโฆษกกระทรวงการต่างประเทศของจีนถูกถามว่าได้ให้ความช่วยเหลือกองกำลังต่อต้านรัฐบาลในเมียนมาต่อสู้กับโควิดหรือไม่ ก็ตอบว่า จีนจะจัดหาความช่วยเหลือที่จำเป็นและสนับสนุนประชาชนในเมียนมาในการต่อสู้กับการระบาดของโควิดเสมอตามความจำเป็นของพวกเขา

ด้าน 'เอนเซ หาน' รองศาสตราจารย์ด้านบริหารรัฐกิจจากมหาวิทยาลัยฮ่องกงระบุว่า เป็นเรื่องสมเหตุสมผลสำหรับทางการจีนซึ่งอยู่อีกฝั่งชายแดนจะให้ความช่วยเหลือดังกล่าว เพราะหากจีนต้องการป้องกันตนเองจากโควิดก็จำเป็นต้องสร้างพื้นที่กันชนขึ้นมา ทั้งยังมองว่ารัฐบาลจีนจะยังคงเดินหน้าข้องเกี่ยวในพื้นที่ซึ่งอำนาจควบคุมของรัฐเมียนมามีอยู่อย่างเบาบางต่อไป โดยรัฐบาลทหารไม่พอใจแน่นอนแต่ไม่มีทางเลือก ขณะที่ 'เดวิด มาธิสัน' นักวิเคราะห์ด้านความขัดแย้งในเมียนมามองว่า หากเกิดการปะทะรุนแรงระหว่างกองกำลังกลุ่มชาติพันธุ์กับกองทัพเมียนมาเหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2560 และทำให้ประชาชนหลายพันคนหนีเข้าไปในจีน นั่นจะถือเป็นสถานการณ์คาดการณ์ที่เลวร้ายที่สุดของรัฐบาลจีน

อ้างอิง : China sends COVID-19 aid to Myanmar rebels