รัฐบาลจีนเดินหน้าผ่อนคลายมาตรการเข้มงวดบางรายการเพื่อควบคุมการระบาดของโควิดเพิ่มเติม แต่ยังไม่มีการส่งสัญญาณว่า จะยุติยุทธศาสตร์ 'โควิดเป็นศูนย์' เมื่อใด ตามรายงานของสำนักข่าวเอพี
เมื่อวานนี้ (5 ธ.ค.) ผู้ที่อาศัยอยู่ในกรุงปักกิ่งและเมืองอื่นๆ อีก 16 แห่งที่ต้องอาศัยระบบขนส่งสาธารณะสัญจรไป-มาได้รับอนุญาตให้ขึ้นรถประจำทางและรถไฟไต้ดินได้โดยไม่ต้องแสดงผลตรวจโควิด-19 ซึ่งเป็นลบที่ได้มาในช่วง 48 ชั่วโมงก่อนหน้า โดยการเปลี่ยนแปลงนี้ถือเป็นครั้งแรกในรอบหลายเดือน
ส่วนที่เมืองกว่างโจว ซึ่งเป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากฮ่องกง ทางการท้องถิ่นอนุญาตให้ตลาดและธุรกิจต่างๆ กลับมาเปิดให้บริการได้อีกครั้งแล้ว ทั้งยังสั่งยกเลิกการจำกัดการเคลื่อนย้ายของผู้คนในหลายจุด ยกเว้นแต่ในชุมชนที่พบการติดเชื้อซึ่งผู้ที่อาศัยในบริเวณดังกล่าวยังต้องอยู่ภายใต้คำสั่งจำกัดการเดินทางต่อไป
และเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว รัฐบาลกรุงปักกิ่งประกาศแผนฉีดวัคซีนให้แก่ประชาชนหลายล้านคนที่อยู่ในวัย 70 และ 80 ซึ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายที่จะทำให้ทางการยอมยกเลิกแผนจำกัด 'โควิดเป็นศูนย์' ซึ่งไม่อนุญาตให้คนนอกประเทศเดินทางเข้ามาในจีนได้เป็นเวลานานแล้ว ซึ่งส่งผลกระทบต่อภาคการผลิตและการค้าโลกไม่น้อยด้วย
การผ่อนคลายมาตรการต่างๆ ของจีนนี้ นำมาซึ่งความหวังว่า รัฐบาลจีนจะยุติยุทธศาสตร์ 'โควิดเป็นศูนย์' ในเร็วๆ นี้ แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านสาธารณสุขและนักเศรษฐศาสตร์เชื่อว่า การที่จะไปถึงจุดนั้นได้คงต้องรอถึงกลางปีหน้า หรืออาจจะนานปี 2024 เป็นอย่างเร็ว กว่าที่จีนจะมีอัตราการฉีดวัคซีนโควิด-19 มากพอและโรงพยาบาลทั่วประเทศจะมีความพร้อมพอรับเหตุการระบาดระลอกใหม่ในอนาคตได้
ทั้งนี้ การปรับเปลี่ยนนโยบายควบคุมการระบาดของจีนเกิดขึ้นหลังมีกระแสชุมนุมประท้วงต่อต้านรัฐบาลทั่วประเทศตั้งแต่เมื่อสุดสัปดาห์ก่อน จากกรณีความไม่พอใจของประชาชนที่ทางการดำเนินมาตรการรับมือโควิด-19 อย่างเข้มงวดเป็นเวลานาน
ปัจจุบัน จีนเป็นประเทศมหาอำนาจเพียงแห่งเดียวที่ยังพยายามจัดการกับการแพร่ระบาดของโคโรนาไวรัสอยู่ ขณะที่ สหรัฐฯ และประเทศอื่น ๆ เดินหน้าผ่อนคลายมาตรการควบคุมต่าง ๆ เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติร่วมกับไวรัสนี้ที่คร่าชีวิตผู้คนไปแล้วกว่า 6.6 ล้านคนและทำให้มีผู้ติดเชื้อสะสมไปแล้วเกือบ 650 ล้านคน
ที่มา : VOAthai