- ส.ส.ก้าวไกลอภิปรายไม่ไว้วางใจ รมว.มหาดไทย ประเด็น “ใช้อำนาจมิชอบ”
- แฉปมใช้ข้อมูลภายในให้เครือข่ายกว้านซื้อที่ประชาชน เอื้อนายทุน กินส่วนต่าง
- พบความเกี่ยวโยงเร่งดันการเปลี่ยนสีผังเมืองเอื้อโครงการพัฒนาอุตสาหกรรม
การอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล วันที่ 18 ก.พ. 2564 ประเสริฐพงษ์ ศรนุวัตร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เปิดอภิปราย ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย กรณีมีผลประโยชน์เบื้องหลัง ‘เขตพัฒนาพิเศษจะนะ’ มีการใช้ข้อมูลภายในให้เครือญาติและเครือข่ายกว้านซื้อที่จากประชาชน เอื้อประโยชน์นายทุน-กินส่วนต่างกว่า 12 เท่า
ส.ส.ประเสริฐพงษ์ตั้งชื่อการอภิปรายในหัวข้อ ‘ผลประโยชน์เบื้องหลังจะนะ: นายทุนคิด ทหารดัน นักการเมืองหาประโยชน์’ ทั้โดยระบุว่า โครงการที่จะเกิดขึ้นไม่ใช่โครงการพัฒนา แต่เต็มไปด้วยการทำลายทรัพยากร ทำลายอาชีพ ทำลายเศรษฐกิจของพี่น้องประชาชนชาวจะนะ ถ้าเกิดขึ้น สัตว์น้ำเศรษฐกิจนับร้อยชนิดจะหายไป การท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ และธุรกิจเกี่ยวเนื่องที่สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจไม่ต่ำกว่าปีละ 100-500 ล้านบาท แม้โครงการจะเกิดขึ้นในปี 2563 แต่ความจริงมีเค้าลางมาตั้งแต่เมื่อเกือบ 10 ปีก่อน ตั้งแต่สมัยที่ ‘นิพนธ์ บุญญามณี’ เป็น นายก อบจ.สงขลา
นิพนธ์ได้แถลงต่อสภา อบจ. ไว้ วันที่ 5 ก.ย. 2556 ว่าจะพัฒนาพื้นที่พลังงาน ท่าเรือน้ำลึก และอุตสาหกรรม ในพื้นที่อำเภอจะนะ นาหม่อม เทพา ซึ่งประเสริฐพงษ์กล่าวว่า “คนในพื้นที่รู้กันดี” ว่ามีการเอางบฯ อบจ. ไปลงในพื้นที่อำเภอแถบนั้นมากผิดปกติ กระทั่งต่อมา วันที่ 16 ก.พ. 2561 นิพนธ์ ในฐานะนายก อบจ. ได้เข้าพบ ‘สมคิด จาตุศรีพิทักษ์’ รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจเวลานั้น เพื่อหารือแนวทางพัฒนาเศรษฐกิจของ 4 อำเภอของ จ.สงขลา ผ่านการลงทุนขนาดใหญ่ของเอกชน โดยยกระดับให้เป็นอุตสาหกรรมพลังงานครบวงจรหรือ Energy complex จนนำมาสู่มติ ครม. วันที่ 7 พ.ค. 2562 ซึ่งเป็นมติ ครม. ทิ้งทวนของ คสช. หลังการเลือกตั้ง 24 มี.ค.2562 ในช่วงที่อยู่ในสูญญากาศระหว่างการตั้งรัฐบาลใหม่ โดยเห็นชอบขยายผลโครงการเมืองต้นแบบสามเหลี่ยมมั่นคงมั่งคั่งยั่งยืนไปสู่พื้นที่ อ.จะนะ
"ดังนั้น การให้ข่าวว่าโครงการนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2559 นั้นผิด เพราะคนวิ่งเต้นเอาโครงการจะนะไปสอดไส้โครงการเดิมคือนายนิพนธ์ เนื่องจากโครงการเดิมตามมติ ครม. 2559 มีแค่ 3 พื้นที่คือ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี , อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส และอ.เบตง จ.ยะลา แต่ไม่ได้มี อ.จะนะ รวมอยู่ด้วย"
::: แค่โครงการ ‘ขายฝัน’ ชวนสำรวจโครงการใหญ่ ‘ร้าง’ ไร้เงานักลงทุน :::
ส.ส.ประเสริฐพงษ์ กล่าวว่า รัฐบาลนำโดย ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ หรือ ศอ.บต. ที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นประธาน ขายฝันกับชาวบ้านว่าจะมีการลงทุนบนพื้นที่ประมาณ 16,753 ไร่ เม็ดเงินลงทุน 18,680 ล้านบาท จะเกิดอุตสาหกรรมหนัก, อุตสาหกรรมเบา, เมืองที่อยู่อาศัยอัจฉริยะ, ศูนย์รวมและกระจายสินค้า, โรงไฟฟ้า 3,700 เมกกะวัตต์, และอื่นๆ อีกมากมาย มีการโฆษณาว่าจะมีการจ้างงานในพื้นที่ 100,000 ตำแหน่ง ซึ่งเป็นไปไม่ได้
หากประเมินจากสถานการณ์ปัจจุบันจะเห็นชัดเจนว่าต่างชาติหนีหาย ไม่มาลงทุน เนื่องจากเศรษฐกิจย่ำแย่ รัฐบาลล้มเหลว เป็นเผด็จการสืบทอดอำนาจ มีโรงงานปิดไปแล้วมากมาย ยิ่งเมื่อดูภาพความเป็นจริงโครงการข้างเคียง ทั้งนิคมอุตสาหกรรม Rubber City , นิคมอุตสาหกรรมสงขลา ล้วนแล้วแต่ร้าง โดยนิคมอุตสาหกรรมสงขลา กนอ. ได้อนุมัติงบไปแล้วอย่างน้อย 1,280 ล้านบาท ไม่รวมเงินที่เช่าที่ธนารักษ์อีก 2,000 กว่าล้านบาท แต่มีคำขอส่งเสริมการลงทุนจริง 8 โครงการ คิดเป็นเงิน 1 ใน 10 ของที่ตั้งเป้าไว้เท่านั้น
นอกจากนี้ เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนร้าง ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ที่สงขลาเป็นที่แรก แต่เกิดขึ้นแบบเดียวกันทั่วประเทศ 10 เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน ที่เกิดขึ้นตามนโยบายของประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่สมัยปล้นอำนาจเป็นรัฐบาล คสช. ได้ใช้เงินภาษีประชาชนไปแล้วกว่า 47,000 ล้านบาท แต่การอนุมัติส่งเสริมการลงทุนของเอกชนแค่ 48 โครงการ 8,000 ล้านบาท ไม่ถึง 20% ของเงินลงทุน
::: ‘เปลี่ยนสีผังเมือง’ ทำเพื่อคนใต้หรือเพื่อใคร ? :::
ประเสริฐพงษ์ กล่าวต่อว่า โอกาสที่อุตสาหกรรมจะเกิดมีน้อยมาก แต่เหตุที่รัฐบาลและ รมว.นิพนธ์เร่งรัดผลักดันโครงการเมืองจะนะให้เกิดขึ้น พบว่า กลุ่มทุนคือ TPIPP ที่มาพร้อมแผนการสร้างโรงไฟฟ้าขนาดใหญ่ โดยโครงการทั้งหมดที่วางแผนไว้ 3,700 เมกกะวัตต์ โดยเอกสารเตรียม EIA ของบริษัท TPIPP เอง เมื่อวันที่ 4 พ.ย. 63 ที่ผ่านมาบอกชัดเจนเลยว่า TPIPP เป็นคนไปเสนอแผนการผลักดันพัฒนาโครงการในพื้นที่จะนะ ซึ่งวันที่ 21 ม.ค. 64 ครม. มีมติรับทราบไปแล้ว 1,700 เมกกะวัตต์ ที่เอื้อให้เกิดโรงไฟฟ้าของบริษัท TPIPP ขึ้นในพื้นที่อำเภอจะนะ ซึ่งเรื่องนี้ก็ยังสงสัยว่าทำไมไม่ให้การไฟฟ้าฝ่ายผลิตซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจเป็นฝ่ายทำ
“ถ้าโครงการยังเดินหน้าต่อไปแบบนี้ คาดว่าว่าโรงไฟฟ้าก็จะมาอีกเรื่อยๆ โครงการจะนะเมืองก้าวหน้าแห่งอนาคตจะไม่มีอนาคตของประชาชน แต่จะกลายเป็นโรงไฟฟ้าของกลุ่มทุน ไม่แตกต่างจากที่เกิดขึ้นกับ มาบตาพุด จ. ระยอง ที่เต็มไปด้วยมลพิษและปัญหาสิ่งแวดล้อม และต้องอย่าลืมว่า กลุ่มทุนเครือ TPIPP มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดแนบแน่นกับผู้มีอำนาจในรัฐบาล”
ทั้งนี้ บริษัทเครือ TPI ยังมีชื่อเป็นหนึ่งในผู้บริจาคเงินผ่านโต๊ะจีนประชารัฐ มีสายสัมพันธ์แนบแน่นใกล้ชิดกับทั้งพรรคพลังประชารัฐ ที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค รวมถึงกับนิพนธ์ จากพรรคประชาธิปัตย์ จึงเห็นความพยายามผลักดันโครงการเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับกลุ่มทุนอย่างแข็งขัน
::: พบเครือญาติ-เครือข่าย "นิพนธ์" เอี่ยวการจัดซื้อที่ดินในพื้นที่่ "โครงการ" เพียบ :::
ประเสริฐพงษ์ยังได้เปิดเผยข้อมูลการซื้อขายที่ดินจากสารบบที่ดินและหนังสือสัญญาซื้อขายที่ดิน สำเนาโฉนดที่ดิน ในพื้นที่ที่จะจัดตั้งเป็นเขตเศรษฐกิจพิเศษ เฉพาะกิจ 3 ตำบล ของ อ.จะนะ จ.สงขลา ซึ่งก็คือที่ดินที่ท่านจะเปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีม่วง โดยระบุว่า ข้อมูลนี้ได้มาจากเอกสารของ อนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาปัญหาที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจากเขตเศรษฐกิจพิเศษ และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก ซึ่งขอข้อมูลมาจาก สำนักงานที่ดิน จ.สงขลา สาขาจะนะ
“ข้อมูลที่ได้มามีเพียงเดือนเดียว คือ มกราคม พ.ศ. 2563 เดือนที่ ครม. มีมติ เปลี่ยนสีผังเมือง ประเด็นสำคัญคือ บรรดาตัวละครสำคัญที่เกี่ยวข้องหลายคนล้วนเป็น ‘เครือข่ายเครือญาติใกล้ชิด’ ของนายนิพนธ์ ที่เป็นผู้มีส่วนได้ส่วนเสียกับการใช้อำนาจในตำแหน่งหน้าที่ ไม่ว่าจะเป็น นายนิธิกร บุญญามณี ‘ลูกชายคนเล็ก’ ของนายนิพนธ์ ซึ่งเป็นเจ้าของบริษัทค้าที่ดิน นายสิรภพ เริงฤทธิ์ ‘ทนายความคนสนิท’ ของนายนิพนธ์ เคยเป็นพนักงานจ้าง ตำแหน่งผู้ช่วยนิติกร อบจ. สงขลา ในสมัยที่นายนิพนธ์เป็นนายก คนในพื้นที่รู้จักคนคนนี้ดี เพราะเป็นนายหน้าดำเนินการต่างๆ ในพื้นที่แทนนายนิพนธ์และครอบครัว โดยรู้จักกันในชื่อ ‘ทนายอาร์’, นายวุฒิชัย วัตตธรรม ‘ลูกพี่ลูกน้อง’ ของนางกัลยา บุญญามณี ‘ภรรยา’ นายนิพนธ์, นายชัยโรจน์ จิวระประภัทร์ ‘คู่เขย’ ของนายนิพนธ์”
"คนเหล่านี้คือคนที่มีชื่ออยู่ในสารบบที่ดินและหนังสือสัญญาการซื้อขายที่ดินที่ผมได้มา อันนี้เป็นเพียงข้อมูลตัวอย่างส่วนเดียวที่เข้าถึงได้ในเดือน ม.ค. 2563 ที่มีมติ ครม. เห็นชอบโครงการและเปลี่ยนสีผังเมือง และข้อมูลนี้ก็เป็นพื้นที่แค่ 3 ตำบล ของ อ. จะนะ จ.สงขลา ซึ่งไม่รู้ว่าส่วนที่ผมยังเข้าไม่ถึงข้อมูล ยังมีอีกเท่าไหร่ ซึ่งถ้านายนิพนธ์บริสุทธิ์ใจจริง ขอให้เอาข้อมูลการซื้อขายที่ดิน ของกรมที่ดินท่านดูแลอยู่ ของทั้งปี 2562 และ 2563 มาเปิดให้ประชาชนเห็น แล้วให้กรรมาธิการที่ดินและสภาแห่งนี้ตรวจสอบ"
ทั้งนี้ พบการซื้อขายที่ดินอย่างผิดปกติในช่วงเดือน ม.ค. 2563 ที่ ครม. มีมติให้เปลี่ยนสีผังเมือง โดพบการกว้านซื้อของรายใหญ่ 2 กลุ่ม กลุ่มแรก คือกลุ่มเครือข่ายครอบครัวคนใกล้ชิด รมว.นิพนธ์ พบการซื้อขายทั้งหมด 23 ธุรกรรม โดยเป็นการซื้อขายที่ดินของนายนิธิกร 10 ธุรกรรม จำนวน 34 ไร่มูลค่า 9,400,000 บาท, นายสิรภพ 8 ธุรกรรม จำนวน 52 ไร่ มูลค่า 12,600,000บาท, นายชัยโรจน์ 2 ธุรกรรม จำนวน 181 ไร่มูลค่า 45,500,000 บาท, นายวุฒิชัย 1 ธุรกรรม ไม่น้อยกว่า 180 ไร่ มูลค่า 36,300,000 บาท นางศิรานุช ภูริศักดิ์ไพศาล พี่น้องภรรยานายวุฒิชัย 2 ธุรกรรม จำนวน 11 ไร่ มูลค่า 5,900,00 บาท รวม 5 คนที่เป็นเครือญาตินายนิพนธ์ มีการรับซื้อที่ดิน 23 ธุรกรรม พื้นที่ 464 ไร่ มูลค่า 110 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 236,166 บาทต่อไร่
อีกกลุ่มที่มีปริมาณการซื้อที่ดินมากผิดปกติ คือ บริษัท ทีพีไอ โพลีน เพาเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPP มีการกว้านซื้อที่ดิน 25 ธุรกรรม พื้นที่ 450 ไร่ มูลค่า 271 ล้านบาท ราคาเฉลี่ย 602,608 บาทต่อไร่ ซึ่งตรงนี้จะเห็นว่า ราคาที่ดินที่บริษัทซื้อจากชาวบ้านอยู่ที่เฉลี่ยไร่ละ 600,000 บาท ขณะที่เครือข่ายของนิพนธ์ซื้อที่ดินแค่ในราคาเฉลี่ยเพียง 240,000 บาทต่อไร่ เท่านั้น ราคาต่างกันเกินเท่าตัว