Skip to main content

วันที่ 1 ก.ค. 64 ที่รัฐสภา สมาพันธ์ผู้ประกอบอาชีพนักดนตรีและธุรกิจกลางคืน เดินทางมายื่นหนังสือต่อผู้แทนราษฎรทุกพรรคการเมือง เพื่อขอให้ช่วยติดตามการดำเนินการตามที่เคยยื่นหนังสือเรียกร้องไปถึงรัฐบาลและรัฐสภามาแล้วหลายครั้งก่อนหน้านี้ 

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคก้าวไกล เริ่มต้นด้วยการกล่าวขอโทษต่อประชาชนที่มาในวันนี้ซึ่งต้องออกมายื่นหนังสือข้างนอกอาคารรัฐสภาว่า ทางพรรคได้ประสานขอใช้สถานที่ในรัฐสภาเพื่อรับหนังสือแล้วแต่ไม่สามารถขอได้ รัฐสภาที่ใหญ่ที่สุดในโลกควรพร้อมรับประชาชนได้ดีกว่านี้ เพราะเราอยู่กับโควิด -19 มาเป็นปีแล้วจึงน่าที่จะหาวิธีที่ทำให้พี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนสามารถเข้าไปสู่สภาอย่างปลอดภัยได้ 

สำหรับหนังสือจากพี่น้องสายอาชีพไม่ว่าจะวงการศิลปิน นักดนตรี และธุรกิจกลางคืนรวมถึงคราฟต์เบียร์ ที่มาในวันนี้คือผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนจากมาตรการโควิดมากว่า 200 วันแล้ว แต่ถ้าจะพูดให้ชัดคงต้องบอกว่าได้รับผลกระทบมาแล้วมากกว่า 400 วัน เพราะพวกเขาโดนปิดมาแล้วสามรอบ และได้ยื่นหนังสือไปยังหน่วยงานต่างๆทั้งรัฐบาลและรัฐสภามาแล้วหลายครั้ง เป็นกลุ่มอาชีพที่ต้องกลั้นหายใจนานกว่าคนอื่น คือถูกสั่งปิดคนแรกแต่ได้เปิดคนสุดท้ายและได้รับผลกระทบเป็นวงกว้าง ที่หมายรวมไปถึงคนที่อยู่ข้างหลังกระทั่งพ่อค้าแม่ค้าที่อยู่บริเวณนั้น เป็นสายอาชีพอิสระที่ไม่ได้อยู่ในระบบจึงเป็นเรื่องที่รัฐบาลและ ส.ส.ควรให้ความสนใจ เพราะหน้าที่ของ ส.ส. ก็คือต้องเป็นกระบอกเสียงให้ประชาชนที่ได้รับความลำบากทุกกลุ่ม ต้องแก้กฎหมายให้สอดคล้องกับภาวะใหม่ๆของประเทศ และสุดท้ายคือการตรวจสอบ รัฐบาลไม่ว่าเขาจะตั้งใจหรือไม่ไม่ตั้งใจหลงลืมใครสักคนก็ตาม 

พิธากล่าวว่า ข้อเรียกร้องในวันนี้โดยรวมอาจไม่แตกต่างกับกลุ่มอื่นที่ได้ออกมาเรียกร้องต่อรัฐในช่วงเวลานี้เช่นเดียวกันที่ต้องรับฟังและแก้ปัญหา ข้อแรกคือ มาตรการของรัฐต้องไม่เหมารวม รัฐบาลได้สั่งปิดร้านเหล่านี้มามากกว่า 200 วัน จึงมีเวลาคิดมากมายที่จะตรวจปูพรมและปิดเมื่อเกิดเหตุได้ ไม่ใช่เหมารวมเช่นนี้  ประการต่อมาคือ เรื่อง วัคซีน หากวันนี้มีวัคซีนที่ดีทุกคนก็คงได้เข้าไปแถลงข่าวในสภาและคงก็จะกลับมาทำมาหากินกันได้ตามปกติ ประการที่สามคือ สายป่านรหรือกระแสเงินสดที่ทุกอาชีพล้วนได้รับผลกระทบ แต่ด้วยธรรมชาติของสายอาชีพอิสระจะต้องกลั้นหายใจนานกว่าคนอื่นและกระทบเป็นวงกว้างจึงต้องดูแลเป็นพิเศษด้วย 

“นอกจากการสื่อสารอย่างเป็นทางการแล้ว ผมอยากพูดจากใจในฐานะประชาชนด้วยกัน วันนี้อาจจะเป็นการพบกันเป็นวันแรกก็จริง แต่ทุกท่านอาจไม่ทราบว่า ทุกสิ่งที่ท่านทำมาล้วนมีความหมายส่วนตัวต่อผมมานานมาก ตอนเด็กๆ เวลาที่ท้อใจ หมดหวัง ก็เป็น Sepultura เป็น Iron Maiden เป็น OZZY OSBOURNE เป็น Master of Puppets ที่ปลอบประโลมให้จิตใจของผมเข้มแข็งอยู่ได้ พอเรียนมหาวิทยาลัยก็เป็น ตุล อะไรจ๊ะ ที่ยังมีเสื้อวงอยู่ถึงตอนนี้ วันนี้เมื่อมาเป็น ส.ส. ก็เป็นวง Bomb at Track ที่ทำให้มีกำลังใจต่อสู้กับไดโนเสาร์ต่อไป การมารับหนังสือในครั้งนี้จึงมาด้วยตัวตนและด้วย DNA ของพรรคก้าวไกลที่สืบทอดมาตั้งแต่สมัยพรรคอนาคตใหม่ ท่านอาจจะไม่ได้มาหาเราเป็นพรรคแรก แต่มั่นใจว่าเราผูกพันกันมากที่สุด จะมีพรรคไหนที่มีมือเบสของ BASHER เป็น ส.ส. จะมีพรรคไหนที่มีครูเต้นของแกรมมี่ เป็น ส.ส. จะมีพรรคไหนที่มีผู้กำกับ Insects in the Backyard เป็นอดีต ส.ส. หรือจะมีพรรคไหนที่มี ส.ส. ผลักดันเรื่องดนตรีไทย และ ส.ส.ที่เป่าแคนแดนอีสาน”

พิธา กล่าวต่อไปว่า ตั้งแต่เป็นอดีตพรรคอนาตใหม่ เรามองว่า วัฒนธรรมคือการขับเคลื่อนสังคมที่เป็นมากกว่าแค่เรื่องศีลธรรมหรือบาปบุญ ในปี 1978  Bob Marley ขึ้นเพลง Jammin ทำให้ให้นายกรัฐมนตรีและผู้แทนของฝ่ายค้านของจาเมกามาจับมือกันได้ใน  One Love Peace Concert ตนนึกถึงวัฒนธรรมเป็นเรื่องเศรษฐกิจเหมือนที่รัฐบาลอังกฤษใช้ดนตรีร็อคมาแทนอุตสาหกรรมที่เกี่ยวกับเหล็ก ซึ่ง  OZZY OSBOURNE ก็เคยทำงานในอุตสาหกรรมนี้มาก่อน ซึ่งอุตสาหกรรมนี้ที่หายไปนี้ได้ถูกทดแทนด้วยอุตสาหกรรมดนตรีร็อคของอังกฤษ 

“ต่อไปในอนาคต หากให้พูดถึงวิสัยทัศน์ของพรรคก้าวไกลในประโยคเดียวก็คือ เมื่อสองสัปดาห์ก่อน ทันทีที่ Dave Grohl ตีคอร์ด D เพลง Everlong เป็นเพลงแรกใน Madison Square Garden นั่นคือแสนยานุภาพที่แท้จริงของประเทศในอนาคต ไม่ใช่เสียงของปืนใหญ่ ไม่ใช่เสียงของเครื่องบินเจ็ท ไม่ใช่เสียงของเรือดำน้ำ เสียงนี้คือสิ่งที่บอกว่าประเทศไหนมีความก้าวหน้าหรือพร้อมที่จะแข่งขันในเวทีโลก ในเวลานี้ความมั่นคงเปลี่ยนแบบเดิมเปลี่ยนไปหมดแล้ว มันไม่ใช่ความมั่นคงทางทหารอีกแล้ว และไม่ใช่เรื่องความมั่นคงทางเศรษฐกิจเหมือนสมัยต้มยำกุ้ง แต่คือความมั่นคงทางสาธารณสุขที่ใช้วัฒนธรรม เป็นตัวนำ อเมริกาในตอนเริ่มคงไม่สามารถทำให้ Madison Square Garden เต็มได้ แต่พอเปลี่ยนผู้นำ ที่ตามมาทันทีคือ การมีวัคซีนและมีระบบการจัดการที่ดี สิ่งที่อเมริกาทำได้ในนิวยอร์คคืนวันนั้นคือสิ่งที่ดังไปทั่วประชาคมโลกเพื่อบอกว่าประเทศที่จะมีจุดยืนบนโลกใบใหม่คือต้องมีผู้นำแบบไหน ถ้าท่านเห็นด้วยกับวิธีคิดของผม เห็นด้วยกับ DNA ของพรรค เห็นด้วยกับวัฒนธรรมที่เป็นมากกว่าวัฒนธรรม การทำมาหากินจะหกโมงเช้าหรือหกโมงเย็นก็คือการโอบรับความหลากหลายของอาชีพ ที่ประเทศไทยจะต้องคิดเพื่อจะก้าวไปข้างหน้าให้ได้ ถ้าท่านคิดแบบนี้ขอแรงมาจับมือร่วมกันกับพรรคก้าวไกลในการผลักดันเพื่อเปลี่ยนประเทศให้ได้เสียที และให้วัฒนธรรมเป็นหนึ่งในการขับเคลื่อนประเทศหลังโควิด”

ด้านตัวแทน สมาพันธ์ผู้ประกอบอาชีพนักดนตรีฯ กล่าวว่า โลกใบนี้ไม่ได้ขับเคลื่อนแค่ช่วงพระอาทิตย์ขึ้น ยังมีคนอีกมากมายที่ทำงานหลังพระอาทิตย์ตกดิน เราอยากสะท้อนปัญหาว่า สิ่งที่เราต้องการมากที่สุดคือการกลับมาทำงานได้ เราต้องการกลับมาทำงานไม่ใช่เงินเยียวยา ดังนั้น มาตรการต่างๆจะต้องมาด้วยความเรียบร้อย ชัดเจน มีกรอบเวลาให้วางแผน ตอนนี้นักดนตรีบางคนขายต้องเครื่องดนตรีซึ่งก็คือเครื่องมือทำมาหากินหมดแล้ว คำถามคือถ้าทุกอย่างกลับมาปกติ เขาจะมีเงินซื้อของเหล่านี้เพื่อกลับมาทำอาชีพอของเขาได้อย่างไร หรือบางคนที่ต้องปรับตัวเพื่อจะไปทำมาค้าขายตอนนี้ก็คือการเริ่มต้นใหม่ ต้องหาตลาดใหม่ในตลาดที่มีการแข่งขันอยู่แล้ว การเปลี่ยนแปลงจึงไม่ใช่เรื่องง่ายและเป็นคำถามว่าเป้นคำตอบที่ถูกทางแล้วจริงหรือ 

“ข้อเรียกร้องข้อแรก สถานบันเทิงไม่ใช่จุดแพร่เชื้อโรคที่เดียวในขณะนี้ ตลาด ไซต์งาน ห้าง ทุกที่เปิดได้หมด สามารถทำความสะอาดได้ แต่สถานบันเทิงเป็นแห่งเดียวที่ถูกปิดและเปิดเป็นที่สุดท้าย อย่าปิดเราแบบเหมารวม เพราะจะทำให้ภาคธุรกิจอีเวนต์ คอนเสิร์ต ต่างๆพังไปด้วย อยากให้เข้าใจถึงฟันเฟืองในธุรกิจดนตรีและศิลปะว่ามีประชากรและลูกจ้างรายวันอยู่ในนี้อีกเยอะมากที่ไม่มีโอกาสและทางเลือกในการทำงานและไม่ได้เข้าประกันสังคม เรื่องการกลับมาทำงานเข้าใจว่าต้องได้วัคซีน แต่เราไม่ได้ต้องการกดดันว่าต้องเร็วแค่ไหน แต่ขอแค่กรอบเวลาที่ชัดเจน เราต้องการแค่ความชัดเจนในการวางแผนชีวิต บางคนเหลือเงินในกระเป๋าไม่ถึงพันบาทโดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาจะต้องอยู่แบบนี้ไปอีกกี่วัน เขาต้องการความชัดเจนและขอวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ อย่างน้อยคือสามารถสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ให้ประชาชนมั่นใจ ได้ เพราะอาชีพของเราต้องการประชาชนเป็นผู้สนับสนุน เพราะถึงเราได้ฉีดแต่ประชาชนไม่ได้ฉีด เราก็อยู่ไม่ได้ ต้องขับเคลื่อนไปด้วยกัน พวกเรามาในวันนี้เพื่อติดตามทวงถามในสิ่งที่ยื่นไปที่งทำเนียบ กระทรวงสาธารณสุข  รัฐสภา เรามาเพื่อติดตามสอบถามและยื่นจดหมายถึงผู้แทนราษฎรเพราะต้องการหาคำตอบและเราหวังว่าจะได้มีโอกาสพูดคุยกับ ศบค.เพื่อหาคำตอบร่วมกันในเรื่องนี้”

สำหรับ สมาพันธ์ผู้ประกอบอาชีพธุรกิจกลางคืนและบันเทิง มาจากการรวมตัวกันของ 7 ชมรม  ได้แก่ ชมรมผู้ประกอบการผับบาร์รายย่อย ,ชมรมคนดนตรีแห่งประเทศไทย, ชมรมดีเจและโปรโมเตอร์กรุงเทพ, ชมรมคราฟต์เบียร์ ,ชมรมผู้ทำคอนเสิร์ตและอีเวนต์ ,ชมรมผู้สนับสนุนดนตรีโดยคนแฟชั่น และชมรมบาร์เทนเดอร์และค็อกเทลบาร์  ปัจจุบันผู้เข้าร่วมแล้วมากกว่า 20,000 คน