Skip to main content

สรุป

  • พรรคก้าวไกลจี้ทำประชามติจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ที่มาจากประชาชน แนะใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ แบบจัดสรรปันส่วนผสม เพื่อตอบสนองเจตจำนงประชาชนมากที่สุด
  • เพื่อไทยออกแถลงการณ์ย้ำจุดยืน เสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ เพื่อหาทางออกให้แก่ประเทศและเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง

พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วย พิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ รองหัวหน้าพรรค ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล และ รังสิมันต์ โรม รองเลขาธิการพรรคก้าวไกล ร่วมกันแถลงผลการการประชุม ส.ส. พรรคก้าวไกลเกี่ยวกับเรื่องการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ว่า 

1.หนทางที่ดีที่สุดในการออกจากวิกฤตรัฐธรรมนูญในปัจจุบัน คือ การยกเลิกรัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งมาจากการรัฐประหาร แล้วจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่โดยสภาร่างรัฐธรรมนูญที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ประตูบานแรกที่จะนำไปสู่เป้าหมายดังกล่าวได้ด้วยวิถีทางประชาธิปไตย คือ การจัดทำประชามติขอความเห็นชอบจากประชาชน ผู้ทรงอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญ ซึ่งขณะนี้ร่าง พ.ร.บ.ออกเสียงประชามติยังอยู่ระหว่างการพิจารณาของรัฐสภา ดังนั้น พรรคก้าวไกลขอคัดค้านหากประธานรัฐสภาจะเตะถ่วงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ. ออกเสียงประชามติที่ค้างอยู่ แล้วนำวาระการแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราขึ้นมาพิจารณาก่อนตามความต้องการของพรรคพลังประชารัฐทั้งๆ ที่ไม่มีเหตุความจำเป็นเร่งด่วนแต่อย่างใด ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาปลายเดือนนี้ประธานรัฐสภาต้องกำหนดวาระตามปกติ ให้พิจารณาร่าง พ.ร.บ. ออกเสียงประชามติแล้วเสร็จก่อนเข้าสู่วาระอื่น 

2.พรรคก้าวไกลเห็นว่า การเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญของพรรคพลังประชารัฐในหลายมาตรานั้น เป็นความพยายามเบี่ยงเบนเป้าหมายของการแก้ไขรัฐธรรมนูญออกจากการยกเลิกรัฐธรรมนูญฉบับ คสช. และยุติกลไกการสืบทอดอำนาจของคณะรัฐประหาร แล้วดำเนินการ 'ต่ออายุ' พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ให้กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปอีก ผ่านการแก้ไขระบบการเลือกตั้งที่ตนเองคิดว่าจะได้เปรียบจากการใช้อำนาจรัฐและอำนาจทุน และผ่านการเปิดช่องให้นักการเมืองฝ่ายรัฐบาลสามารถเข้าไปเบียดบังงบประมาณและแทรกแซงข้าราชการได้ง่ายขึ้น
 
3.การพยายามเสนอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 หลากหลายมาตราตามเกมของพรรคพลังประชารัฐนั้น มีแต่จะทำให้เกิดความสับสน หรือแย่กว่านั้นคือไปช่วยกันตกแต่งให้รัฐธรรมนูญฉบับ คสช. ดูดีขึ้น และช่วยกันต่ออายุให้ระบอบประยุทธ์ ดังนั้น การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญรายมาตราในสถานการณ์ปัจจุบันควรพุ่งเป้าให้ชัดเจนไปยังการปลดกลไกสำคัญในการสืบทอดอำนาจคณะรัฐประหาร 

ที่ประชุม ส.ส. ของพรรคก้าวไกลจึงเห็นชอบให้เสนอ 'ปิดสวิตช์ ส.ว.' ยกเลิกอำนาจในการเลือกนายกรัฐมนตรีของ ส.ว. 250 คน ที่มาจากการคัดเลือกโดย คสช. ดังนั้น ส.ส. พรรคก้าวไกลจะลงชื่อเสนอร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมในประเด็นนี้ร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านแล้วยื่นต่อประธานสภาในวันพรุ่งนี้ (16 มิ.ย.) ที่ประชุม ส.ส. พรรคก้าวไกลมีมติไม่ร่วมลงชื่อกับร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมของพรรคเพื่อไทยที่เสนอแก้ไข ม.256 เพื่อตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) เนื่องจากเราไม่เห็นด้วยกับการไปจำกัดอำนาจของ ส.ส.ร. ที่มาจากการเลือกตั้งของประชาชน ห้ามแก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 ของรัฐธรรมนูญ 

พรรคก้าวไกลยืนยันมาโดยตลอดว่า การกำหนดห้ามดังกล่าวเป็นการสร้างบรรทัดฐานทางการเมืองที่ผิด ซึ่งจะส่งผลเสียต่อการพัฒนาประชาธิปไตยในระยะยาว และเป็นการไม่เคารพต่ออำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญของประชาชน พรรคก้าวไกลเชื่อมั่นเสมอว่า ส.ส.ร. ที่มาจากประชาชนมีความชอบธรรมทางประชาธิปไตยที่จะจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ได้ทุกหมวด และ ส.ส.ร. ควรเป็นเวทีที่เปิดกว้างให้แก่ทุกฝ่าย เคารพอำนาจของประชาชน เพื่อนำไปสู่ฉันทามติใหม่ของสังคมไทยร่วมกัน

5. สำหรับเรื่องระบบการเลือกตั้งนั้น พรรคก้าวไกลเห็นว่า หากจะมีการแก้ไขระบบเลือกตั้ง ต้องมีเป้าหมายในการสร้างระบบการเลือกตั้งที่ดี ไม่ใช่มีเป้าหมายเพียงแค่การแสวงหาระบบเลือกตั้งที่พรรคการเมืองใหญ่ได้ประโยชน์มากที่สุด ระบบการเลือกตั้งที่ดี ต้องทำให้เสียงทุกเสียงมีความหมาย สะท้อนเจตนารมณ์ของประชาชนได้ดีที่สุด รวมถึงเป็นระบบที่ช่วยส่งเสริมความเข้มแข็งของสถาบันพรรคการเมือง และสร้างประสิทธิภาพของระบบรัฐสภากับรัฐบาล ระบบการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2560 ไม่ใช่ระบบที่ดี ขณะที่ระบบการเลือกตั้งตามรัฐธรรมนูญ 2540 ก็ยังมีข้อด้อยที่ควรต้องปรับปรุง ซึ่งพรรคก้าวไกลเห็นว่า ระบบการเลือกตั้งที่ดี ควรเป็นระบบจัดสรรปันส่วนผสมที่ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ กล่าวคือ เลือก ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง 1 ใบ และเลือกพรรคการเมืองอีก 1 ใบ โดยนำคะแนนเลือกพรรคการเมืองมาใช้คำนวณจำนวน ส.ส. พึงมีของแต่ละพรรค เพื่อให้เสียงของประชาชนไม่ตกน้ำ และได้สัดส่วน ส.ส. ของแต่ละพรรคตามเจตนารมณ์ของประชาชนมากที่สุด ซึ่งนั่นหมายถึงว่า เสียงของประชาชนส่วนใหญ่ ซึ่งไม่ต้องการต่ออายุให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีอีก ทุกเสียงต้องถูกนับ

"พรรคก้าวไกลขอย้ำว่า ทางออกจากวิกฤตรัฐธรรมนูญในปัจจุบันไม่ใช่การเข้าร่วมแก้ไขรัฐธรรมนูญตามเกมของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งต้องการพิทักษ์รัฐธรรมนูญของคณะรัฐประหารและต่ออายุให้ระบอบประยุทธ์ แต่ต้องร่วมกันผลักดันให้เกิดการลงประชามติเพื่อยกเลิกรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 คู่ขนานไปกับการทำลายหัวใจในการสืบทอดอำนาจด้วยการ ปิดสวิตช์ ส.ว.ก่อน การแก้ไขระบบเลือกตั้งหรือประเด็นปลีกย่อยอื่นใดโดยไม่ยกเลิกอำนาจ ส.ว. ในการเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น ย่อมเป็นการเดินเข้าสู่กับดักและขนมล่อทางการเมืองของระบอบ ประยุทธ์ จันทร์โอชา"  พิธา กล่าว

พิธา กล่าวว่า สาเหตุที่ไม่ร่วมลงชื่อในการแก้ไข มาตรา 256 ร่วมกับพรรคเพื่อไทยนั้น ประการแรกคือ ต้องทำตามกระบวนการ เนื่องจากการเสนอญัตตินี้คราวก่อน ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยว่าต้องทำประชามติจึงต้องไปดำเนินการตามนั้น อีกประการหนึ่งคือพรรคก้าวไกลเองก็จะร่างแก้ไขมาตรานี้ในแนวทางของพรรค อย่างไรก็ตาม กระบวนการเหล่านี้ต้องหลังจากผ่านการประชามติแล้ว ดังนั้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราจึงอยากมุ่งไปที่ มาตรา 272 ที่มีเนื้อหาเกี่ยวกับการปิดสวิตช์ ส.ว. ตามลำดับความสำคัญของกฎหมาย สภาควรจะต้องพิจารณา ร่าง พ.ร.บ.ประชามติก่อน การแถลงข่าวในวันนี้จึงเป็นการเรียกร้องไปยังประธานรัฐสภาด้วยว่า จะต้องไม่นำเอาเจตจำนงของพรรคการเมืองไหนมาเหนือประธานรัฐสภา 

สำหรับที่ถามมาว่าพรรคก้าวไกลไม่เห็นด้วยกับรูปแบบการเลือกตั้งแบบบัตรสองใบเพราะเสียประโยชน์หรือไม่ พิธา กล่าวว่า เราพร้อมต่อสู้ในทุกระบบการเลือกตั้ง ซึ่งการเลือกตั้งแบบจำนวนบัตรสองใบเราเห็นด้วย แต่ระบบบัตรสองใบก็มีหลายแบบ ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบปี 40 เท่านั้น ซึ่งเราต้องการระบบการเลือกตั้งที่ตอบสนองเจตจำนงของประชาชนที่สุด เสียงต้องไม่ตกน้ำหรือไม่ใช่การเลือกตั้งที่ผลออกมาแล้วไม่เป็นพรรคใหญ่ก็มีแค่พรรคเล็กไปเลย ระบบบัตรสองใบเป็นเรื่องดี เพราะประชาชนสามารถเลือกคนที่ใช่ เลือกพรรคที่ชอบได้ แต่วิธีการคำนวณจัดสรร ส.ส.แบบเขตกับบัญชีรายชื่อมีหลายแบบ ซึ่งระบบ MMP แบบเยอรมีเป็นระบบที่ไม่มีเสียงตกน้ำ เราจึงเชื่อว่าเป็นระบบที่เหมาะสมและตอบสนองเจตจำนงประชาชนมากที่สุด

ขณะที่ พรรคเพื่อไทย ออกแถลงการณ์เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้ประเทศเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ระบุว่า พรรคเพื่อไทยขอกราบเรียนให้พี่น้องประชาชนได้ทราบถึงจุดยืนและความคืบหน้าในการขับเคลื่อนของพรรคเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560 เพื่อให้บ้านเมืองมีความเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ดังนี้ 

1. พรรคเพื่อไทยเตรียมยื่นญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 256 เพื่อตั้ง ส.ส.ร. มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยยกเว้นหมวด 1 และหมวด 2 โดยยึดถือตามร่างแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ ซึ่งผ่านการพิจารณาโดยกรรมาธิการซึ่งมีองค์ประกอบจากทุกฝ่ายของรัฐสภา ในการพิจารณาเมื่อครั้งที่ผ่านมา ซึ่งร่างดังกล่าวได้ผ่านการพิจารณาของรัฐสภาวาระที่ 2 เมื่อวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2564 ไปแล้ว การยื่นร่างฉบับนี้ใหม่ จึงเป็นการยืนยันนโยบายและจุดยืนเดิมของพรรคในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2560

2. นอกจากการยื่นแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญเพื่อจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ พรรคเพื่อไทยได้เสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราควบคู่กันไปด้วยหลายเรื่องได้ซึ่งเคยนำเสนอไปแล้ว เมื่อสิงหาคม 2563 โดยเลือกเอาประเด็นสำคัญที่เห็นว่าเป็นปัญหาต่อชาติบ้านเมือง และขัดหลักการประชาธิปไตยอย่างชัดแจ้ง เช่น 

2.1 แก้ไขเพื่อเพิ่มและคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนหลายเรื่องที่ขาดหายไป เช่น สิทธิการแสดงออก และสิทธิการได้รับการประกันตัวของผู้ต้องหาและจำเลยในคดีอาญา เพิ่มสิทธิและหลักประกันของประชาชนในการได้รับหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า เพิ่มเติมสิทธิของประชาชนในการต่อต้านการกระทำรัฐประหาร เป็นต้น  

2.2 การเลือกนายกรัฐมนตรีโดย สว. เป็นเรื่องที่ขัดหลักประชาธิปไตยอย่างรุนแรง จึงแก้ไขเพื่อตัดอำนาจ สว. ในการเลือกนายกรัฐมนตรีโดยให้สภาผู้แทนราษฎรเท่านั้นเป็นผู้ให้ความเห็นชอบ เพื่อให้กติกามีความเป็นธรรมและมีความเป็นประชาธิปไตย และให้การเลือกนายกรัฐมนตรีตรงตามเจตนารมณ์ของประชาชน 

2.3 แก้ไขระบบเลือกตั้ง ให้กลับไปใช้บัตร 2 ใบ ดังเช่นที่เคยใช้ในรัฐธรรมนูญปี 40 และ 50 เพื่อทำให้การเลือกตั้งตรงตามเจตนารมณ์ของประชาชน ประชาชนได้เลือกคนที่รัก เลือกพรรคที่ชอบ และสร้างระบบการเมืองที่มีเสถียรภาพ ซึ่งระบบนี้ ประชาชนมีความคุ้นเคยและเข้าใจเป็นอย่างดีแล้ว นอกจากนั้น เป็นการแก้ไขไม่ให้เกิดการทำลายระบบพรรคการเมืองให้เกิดความอ่อนแอ ไม่ทำให้เกิดพรรคเล็กพรรคน้อยเป็นเบี้ยหัวแตกจำนวนมาก และง่ายต่อการซื้อขายแจกกล้วยเหมือนที่ผ่านมา 

2.4 ยกเลิกบทบัญญัติบางเรื่อง อาทิ ยุทธศาสตร์ชาติ อำนาจ สว.บางเรื่อง ตามบทเฉพาะกาล และการนิรโทษกรรมแก่คณะ คสช. เพราะขัดต่อหลักการประชาธิปไตยเช่นเดียวกัน

แม้การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 จะเป็นไปด้วยความยากลำบากอย่างยิ่ง เพราะมีกับดักที่เขียนไว้โดยเจตนาที่จะไม่ให้มีการแก้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ได้เลย อย่างไรก็ตามพรรคเพื่อไทยเห็นว่ารัฐธรรมนูญ 2560 คือปัญหาของประเทศโดยแท้จริง จึงจำเป็นในการที่จะต้องยึดหลักการว่า จะต้องมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ พร้อมกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่จำเป็นบางมาตรา เพื่อให้ทุกฝ่ายเห็นว่าการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญทั้งฉบับคือความจำเป็นโดยแท้จริงของประเทศ และหากมีอุบัติเหตุทางการเมืองใดๆ ขึ้น การแก้ไขรัฐธรรมนูญรายมาตราจะช่วยลดทอนความเสียหายให้แก่ประเทศได้ พรรคเพื่อไทยขอยืนยันต่อพี่น้องประชาชนว่า การเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญในครั้งนี้ เพื่อหาทางออกให้แก่ประเทศและเป็นไปเพื่อประโยชน์สูงสุดของพี่น้องประชาชนอย่างแท้จริง