Skip to main content

กรมสุขภาพจิต ชี้ความเครียดวิตกกังวลจากปัญหาสุขภาพจากสถานการณ์โควิด ปัญหาสังคมรอบข้างที่กดดันตนเอง และปัญหาเศรษฐกิจยังคงรุมเร้าต่อเนื่อง อันจะนำไปสู่การทำร้ายตัวเองและฆ่าตัวตายได้ กรมสุขภาพจิตแนะ คนใกล้ชิดและครอบครัว คือ กุญแจสำคัญ ในการให้กำลังใจวัยรุ่น วัยทำงานตอนต้น ก้าวผ่านวันที่อ่อนแอ เยียวยาก่อนจะเกิดความสูญเสียที่รุนแรง

โดย พญ.อัมพร เบญจพลพิทักษ์ อธิบดีกรมสุขภาพจิต กล่าวว่า ขณะนี้มีการรายงานสถานการณ์ทั่วโลกและการศึกษาในประเทศไทยที่พบว่า กลุ่มวัยที่อายุน้อย วัยรุ่น หรือวัยทำงานตอนต้น มีภาวะซึมเศร้าเพิ่มขึ้น ซึ่งจะสัมพันธ์กับการฆ่าตัวตายได้เพราะมีหลายปัจจัยจากสถานการณ์โควิด 19 และภัยคุกคามอื่นๆที่ทำให้เยาวชนและวัยรุ่นต้องปรับการดำเนินชีวิตเช่นการใช้เวลาเรียนทำงานออนไลน์มากกว่าการพบปะเพื่อนและสังคมตามภาวะปกติ อาจทำให้เกิดความเครียดเรื้อรัง ส่งผลทั้งปัญหาสุขภาพและปัญหาความสัมพันธ์กับผู้อื่น ทั้งนี้ในบางรายแม้จะเครียดมากแต่พฤติกรรมภายนอกไม่แสดงออก ทว่าในใจมีอาการดำดิ่งสู่ความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจนนำไปสู่การตัดสินใจด้วยอารมณ์ที่นำมาซึ่งความเสียใจให้กับคนรอบข้าง เช่นความกดดันของวัยเรียนที่กลัวว่าจะไม่สามารถทำตามความคาดหวังของครอบครัว นำไปสู่การทำร้ายตัวเองหรือการฆ่าตัวตาย เพราะเข้าใจว่าการกระทำนั้นเป็นทางเลือกที่ต้องการเผชิญหน้าหรือรับมือแต่เพียงคนเดียว 

ดังนั้นการช่วยเหลือเบื้องต้นที่สามารถทำได้ด้วยตัวเอง เมื่อมีความรู้สึกหดหู่ให้มองด้านบวก นึกถึงคุณค่าของตนเอง ปล่อยวางความคิด ปรับวิธีคิดให้แตกต่างไปจากเดิมจะช่วยให้หาทางออกในการแก้ไขปัญหาได้ดีขึ้น หากไม่สามารถแก้ไขได้ด้วยตนเอง การขอความช่วยเหลือจากคนใกล้ชิดหรือการรับบริการจากผู้เชี่ยวชาญเป็นวิธีที่จะสามารถช่วยได้ ซึ่งการตัดสินใจขอความช่วยเหลือเหล่านั้นไม่ได้เป็นการสร้างภาระ เปรียบเหมือนการมองหาเข็มทิศที่จะช่วยในการรับมือต่อสู้กับความคิดของตนเอผเพื่อก้าวผ่านสถานการณ์ที่รุมเร้าได้ 

ทั้งนี้ คนใกล้ชิด ครอบครัว ครู อาจารย์และเพื่อน ต้องช่วยกันเติมพลังใจให้แก่กัน ไม่ตำหนิความคิดหรือการตัดสินใจของบุคคลเหล่านั้น พร้อมกับรับฟังปัญหาอย่างตั้งใจ โดยไม่ใช้ความคิดของตนเองเข้าไปตัดสิน ร่วมสะท้อนสภาวะจิตใจว่าความเศร้าหรือความเครียดที่กำลังเผชิญอยู่นั้น มีต้นตอมาจากไหน แนะนำว่าควรจะจัดการร่วมกันอย่างไร ด้านกรมสุขภาพจิต ยังดำเนินการเฝ้าระวังอย่างเต็มที่ มุ่งหน้าทำให้ดีที่สุดเพื่อรักษาทุกชีวิตให้ได้มากที่สุด และยังเน้นการช่วยเหลือเพื่อป้องกันปัญหาตั้งแต่ต้นทาง ไม่ใช่เพียงการป้องกันไม่ให้ทำร้ายตัวเอง แต่ทำให้คนมีความทุกข์น้อยลงและยังสามารถช่วยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่า เพิ่มความแข็งแกร่งให้กับสังคมอีกด้วย

พญ.วิมลรัตน์ วันเพ็ญ ผู้อำนวยการสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ กล่าวว่า เมื่อมีปัญหาในการจัดการอารมณ์ มีภาวะเครียด ซึมเศร้า ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นจัดการอย่างไร สามารถเริ่มจากการประเมินสุขภาพใจได้ทาง www.วัดใจ.com ซึ่งเป็นการประเมินสุขภาพใจของตนเองผ่านแบบสอบถาม สามารถบอกได้เบื้องต้นว่ามีความเสี่ยงต่อปัญหาสุขภาพจิตในระดับใดบ้าง 

ส่วนผู้ที่มีปัญหาชัดเจนเรื่องอารมณ์ซึมเศร้าหรือมีความคิดอยากทำร้ายตนเอง สามารถประเมินความเสี่ยงต่อซึมเศร้าหรือทำร้ายตนเองที่ปัญญาประดิษฐ์ที่ชื่อ Dmind ผ่านไลน์หมอพร้อม โดยเข้าไปที่ฟังก์ชั่นคุยกับหมอพร้อม แล้วกดตรวจสุขภาพใจ จะได้พูดคุยและประเมินผ่านปัญญาประดิษฐ์ที่ทำหน้าที่เสมือนกับคุณหมอ ซึ่งจากข้อมูลเมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2565 พบว่ามีจำนวนผู้เข้าใช้งานประเมินซึมเศร้าผ่านระบบ Dmind ผ่านทางระบบหมอพร้อม จำนวนทั้งหมด 72,610 ราย พบว่าภาวะสุขภาพจิตอยู่ในเกณฑ์ปกติและพบปัญหาสุขภาพจิตในระดับน้อย ร้อยละ 75.92  ระดับปานกลางร้อยละ 16.61 และระดับรุนแรง ร้อยละ 7.47 โดยหากนับจำนวนแล้วพบว่าในกลุ่มระดับรุนแรงมีจำนวนถึง 5,427 ราย ซึ่งจำนวนนี้ผู้ที่ยินยอมให้ติดตามช่วยเหลือสามารถดำเนินการได้ถึง ร้อยละ 70.04 

ทั้งนี้ หากผู้ประเมินพบว่าตนเองพบว่ามีความเสี่ยงด้านสุขภาพจิต สามารถให้ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้บุคลากรสาธารณสุขประสานกลับไปเพื่อดูแล นอกจากนี้ช่องทางให้การปรึกษาผ่านสายด่วนสุขภาพจิต1323 ฟรี ตลอด24 ชั่วโมง จากข้อมูลช่วงเดือน ต.ค. 2564 ถึง ก.ย. 2565 สายด่วน1323 ได้ให้บริการถึง 95,029 รายโดยกลุ่มที่อายุ 12-18 ปี มีจำนวน 7,369 คนซึ่งปัญหาที่ขอรับปรึกษามากที่สุด 3 ลำดับ คือ ปัญหาครอบครัว ความรักและการเรียน ในขณะที่กลุ่มอายุ 18-29 ปี มีจำนวน 28,421คนและปัญหาที่ขอรับปรึกษามากที่สุด 3 ลำดับ คือ ปัญหาความรัก ครอบครัวและการทำงาน โดยปัจจุบันได้มีเพิ่มระบบนัดผ่านhttps://1323alltime.camri.go.th เพื่อผู้รับบริการเลือกรับวันเวลาที่สะดวกได้อีกด้วย

กรมสุขภาพจิตขอเน้นย้ำว่า ทุกปัญหามีทางออกและสามารถแก้ไขได้เสมอ การเก็บสะสมไว้จนเกิดความเครียด ความทุกข์ จะยิ่งสร้างความรู้สึกที่แย่ลง การจบชีวิตหรือการตัดสินใจเพื่อใครนั้นไม่ใช่ทางออกที่ดีและไม่ใช่สิ่งที่คนที่คุณรักต้องการอีกด้วย เพราะในวันที่รู้สึกว่าไม่เหลือใครอาจยังมีใครที่ยังห่วงใยเราอยู่