‘พิธา’ ประกาศพร้อมเป็นนายกฯ พาไทยไปแข่งขันบนเวทีโลก โชว์วิสัยทัศน์สร้างอุตสาหกรรมไฮเทคผ่านการแก้ปัญหาน้ำประปา
ในงานเปิดแคมเปญเลือกตั้งพรรคก้าวไกล “ต้องก้าวไกล ให้ไทยก้าวหน้า” พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เริ่มต้นเปิดงานด้วยการแสดงวิสัยทัศน์การบริหารประเทศแบบก้าวไกลด้วยการหยิบขวดน้ำดื่มขึ้นและชวนให้ผู้ฟังมองปัญหาระดับประเทศที่ซ่อนอยู่ในน้ำดื่มขวดนี้
“ทุกครั้งที่เรายกน้ำขึ้นมาดื่ม ทุกท่านเชื่อมั้ยครับว่า มันมีเรื่องราวอยู่เบื้องหลังที่สะท้อนความล้มเหลวและความไร้ประสิทธิภาพของรัฐไทย ความล้มเหลวของรัฐไทยในการให้บริการน้ำประปาที่สะอาดดื่มได้ทำให้คนไทยต้องแบกรับภาระค่าน้ำดื่มสูงขึ้นถึง 1,000 เท่า ทั้งๆ ที่ประเทศไทยที่มีทรัพยากรน้ำมหาศาล” พิธากล่าว
พิธากล่าวต่อว่า การประปาอาจจะบอกว่าตรวจคุณภาพน้ำในกรุงเทพฯ 2,000 จุดแล้วดื่มได้ แต่น้ำประปาผ่านตามท่อถึงบ้านเรา ไขก๊อกออกมาดื่มไม่ได้ ในกรุงเทพฯ บางพื้นที่ยังใสแต่ในต่างจังหวัด แต่ละบ้านต้องมาแข่งกัน ว่าน้ำประปาจะสีอะไร ใช้ซักผ้าไม่ได้ ใช้ล้างจานไม่ได้ ใช้อาบน้ำไม่ได้ ในประเทศอื่นๆ เขาควบคุมมาตรฐานความปลอดภัยของน้ำประปาโดยใช้ “แรงดันน้ำ” ที่ปลายท่อครับ ทำให้แบคทีเรียและความสกปรกในท่อก็จะยิ่งเข้ามาปนอยู่ในน้ำประปาได้ยาก
ในต่างประเทศตั้งค่าแรงดันน้ำขั้นต่ำที่ปลายทางเอาไว้สูง เปิดในแนวตั้งต้องพุ่งสูงขึ้นไม่ต่ำกว่า 10 เมตร ที่อเมริกาคือถ้าต่ำกว่า 14 เมตร ให้ต้มน้ำดื่ม ถ้าต่ำกว่า 3.5 เมตรเขาให้ล้างน้ำประปาคงค้างให้หมดแล้วนำน้ำไปตรวจแบคทีเรีย แต่สำหรับประเทศไทยเราไม่ได้กำหนดแรงดันน้ำปลายทางแรงดันในท่อหลักอยู่ที่ 6 เมตร มาถึงบ้านปลายทางไม่ได้กำหนดมาตรฐานเอาไว้ ทำให้เหลือแรงดันแค่ 2 เมตรเท่านั้น นี่คือสาเหตุที่ทำไมน้ำประปาถึงดื่มไม่ได้ และด้วยเหตุนี้เองถึงได้เกิดอุตสาหกรรมน้ำขวดขึ้นมา มูลค่า 5 หมื่นกว่าล้านบาท จากน้ำประปาที่ราคา 1,000 ลิตร ราคา 10 บาท เราถึงได้ต้องดื่มเป็นน้ำขวดที่ราคา 1 ลิตร 10 บาท หรือแพงขึ้น 1,000 เท่า
สาเหตุที่รัฐไทยให้แรงดันน้ำกับประชาชนไม่ได้ นั่นเพราะเราจะสูญเสียน้ำไปตามท่อจากท่อระบายน้ำรั่วประมาณ 30% ถ้ายิ่งเปิดแรงดันน้ำแรงน้ำก็จะยิ่งรั่วมาก ถ้าเปิดน้ำอ่อยๆ น้ำก็จะรั่วน้อยลง แต่การที่ภาครัฐเปิดน้ำให้ประชาชนอ่อยๆ เพราะกลัวน้ำรั่วเป็นปัญหาที่สะท้อนน้ำคิดในการแก้ไขปัญหาแบบระยะสั้น ลูบหน้าปะจมูก แบบไทยๆ ผลักภาระน้ำที่ไม่สะอาด กับค่าถังพักน้ำ ค่าปั๊มน้ำ ให้ประชาชน ในขณะเดียวกันพอน้ำรั่วน้อย แต่เป็นการรั่วซึม เราก็จะไม่เห็นว่าน้ำรั่วที่จุดไหน เราก็จะไม่สามารถไปแก้ปัญหาที่ต้นเหตุได้
ประเทศไทยมีปัญหาที่หมักหมม และแก้ปัญหาแบบลูบหน้าปะจมูกอยู่แบบนี้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำแล้ง-น้ำท่วมที่แก้กันแบบ “น้ำแล้งขนน้ำไปหาคน น้ำท่วมขนคนหนี” เรื่องเกษตรที่อุ้มราคาเฉพาะหน้าอย่างเดียวแต่แทบไม่มีการยกระดับเกษตรกร เรื่องงบประมาณที่ซุกหนี้และภาระผูกพันไว้มากมายเป็นระเบิดเวลาในอนาคต ฯลฯ ถ้าเรื่องที่พื้นฐานมากๆ อย่างแรงดันน้ำ ประเทศไทยยังไม่สามารถทำได้เพื่อให้น้ำสะอาด เราไม่มีวันที่จะสามารถทำเรื่องยากๆ เพื่อให้ประเทศไทยแข่งขันในระดับโลกได้
อุตสาหกรรมแห่งอนาคตที่ใช้น้ำเป็นองค์ประกอบที่สำคัญมากก็คือชิพคอมพิวเตอร์ โรงงานผลิตชิพคอมพิวเตอร์โรงงานหนึ่งอาจใช้น้ำได้สูงถึง 10,000 ลบ.ม. ต่อปี นอกจากนี้การมีปริมาณน้ำที่มากอย่างเดียวไม่เพียงพอครับ ต้องใช้น้ำที่บริสุทธิ์มากด้วยเพื่อมาใช้ล้างชิพด้วย ชิพคอมพิวเตอร์สมัยนี้เล็กมากระดับนาโนเมตร ชิพเล็กที่สุดตอนนี้ 2 นาโนเมตรเล็กยิ่งกว่าเกลียวดีเอ็นเอ เพราะฉะนั้นน้ำที่จะมาใช้ล้างชิพระดับนาโนเมตรได้ก็ต้องเป็นน้ำที่บริสุทธ์มากระดับ Ultrapure Water ที่ไม่มีอนุภาคอะไรเหลือเลย
แต่เมื่อมองย้อนกลับมาดูความพร้อมของประเทศไทย อย่างเรื่องน้ำที่การประปายังเปิดน้ำให้แรงดันสูงเท่ากับต่างประเทศไม่ได้ มันทำให้เราเสียโอกาสมากไปถึงการสร้างอุตสาหกรรมอนาคตอย่างการสร้างชิพคอมพิวเตอร์ในช่วงเวลาที่ปัจจัยทางภูมิรัฐศาสตร์มันทำให้ทั้งโลกต้องมาแข่งขันกันดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมขั้นสูง
การที่คณะก้าวหน้าทำน้ำประปาดื่มได้ให้ประชาชน ไม่ได้ตั้งใจเฉพาะทำให้ประชาชนเข้าถึงสิทธิขั้นพื้นฐานเท่านั้น แต่ยังมีเป้าหมายจะสร้างระบบน้ำประปาที่ทันสมัยที่สุดในประเทศไทย ใช้ระบบ IoT, Smart Meter, Smart Pressure Gauge, มีเซ็นเซอร์ มีระบบประมวลผลขึ้นจอวัดค่าความขุ่น ความเป็นกรดเป็นด่างของน้ำได้ วัดระดับความดันน้ำในแต่ละจุดของ water grid กลับมาแสดงผลบนหน้าจอได้
“ระบบเทคโนโลยีที่เกิดขึ้นไม่ได้แค่ทำให้บริการประชาชนได้ดีขึ้น แต่เป็นการสร้างซัพพลายเชน สร้างห่วงโซ่มูลค่าอุตสาหกรรมเทคโนโลยีให้เกิดขึ้นในประเทศไทย ในวันที่ระบบน้ำประปาทั่วประเทศใช้ระบบ IoT ใช้ Smart Meter ใช้ Smart Pressure Gauge ในวันนั้นก็จะเกิดห่วงโซ่อุปกรณ์การผลิตเซ็นเซอร์ IoT ต่างๆ ที่เป็นปลายน้ำของการทำชิพ และเกิดอุตสาหกรรมภาคบริการ วิศวกรผู้ติดตั้งระบบ System Integrator, System Analyst, Solution Provider, ขึ้นมาเป็นการสร้างงานสร้างอาชีพมูลค่าสูงขึ้นจำนวนมาก”
“ในการเลือกตั้งปี 66 จะเป็นการเดิมพันครั้งสำคัญที่สุดในชีวิตของพวกเราครับ ว่าประเทศไทยจะย่ำอยู่กับที่? จะได้แค่เปลี่ยนรัฐบาล? หรือจะเปลี่ยนแปลงไปทั้งประเทศ? ถ้าพี่น้องประชาชนเชื่อว่าเราต้องเปลี่ยนแปลงทั้งประเทศ ประเทศไทยถึงเดินหน้าต่อไปได้ เลือกตั้งครั้งต่อไปเลือกเลือกก้าวไกลให้ไทยก้าวหน้า แล้วประเทศไทยจะเปลี่ยนไป ไม่มีวันเหมือนเดิมอีกต่อไป”
พิธา กล่าวด้วยว่า สำหรับการเลือกตั้งใหญ่ในปีหน้า แน่นอนว่าอดีตอนาคตใหม่ถูกยุบไป พวกเราแยกเป็น 2 ทาง นายธนาธร และนายปิยบุตร ทำงานเกี่ยวกับท้องถิ่น แสดงให้เห็นว่าเมื่อเขาแก้ไขปัญหา ทำให้ท้องถิ่นที่เขาชนะ มีระบบน้ำประปาที่ทันสมัยที่สุดในไทย จะเกิดอะไรขึ้น ไม่ใช่แค่ลดภาระประชาชน แต่เรื่องการสร้างอุตสาหกรรมใหม่ ๆ การสร้าง IOT การสร้างสมาร์ทซีสเต็ม ฯลฯ ทั้งหมดทั้งปวงคือการสร้างขีดความสามารถให้ประเทศ สร้างงานใหม่ ๆ ให้กับประเทศ เอาปัญหาเป็นตัวตั้ง สร้างดีมานด์ใหม่ ๆ ให้ประเทศ
“แน่นอนว่าตอนนี้ เราจะเข้าสู่ศึกเลือกตั้งโดยไม่มีพวกเขา ไม่มีธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ไม่มีปิยบุตร แสงกนกกุล แต่เราพิสูจน์แล้วว่า ก้าวไกลสามารถสร้างอนาคตใหม่ได้ เหมือนที่สื่อบอก คบเพลิงอยู่ในมือของพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ดังนั้นเรามาไกลเกินกว่าจะแพ้ ผมไม่ได้มาเล่น ๆ เพื่อที่จะแพ้ด้วย ผมพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีของทุกคน ไม่ว่าจะรวยดีมีจน อายุมากน้อย ไม่ว่าจะเลือกผมหรือไม่เลือกผม ผมพร้อมเป็นนายกฯที่ทันสมัย ทำให้คนไทยเท่าเทียมกัน ให้กับประเทศก้าวหน้าไปในอนาคต แล้วเจอกันที่ทำเนียบรัฐบาล” พิธา กล่าว