Skip to main content

รังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีปรากฎเอกสารที่อ้างว่าเป็นความเห็นของมีชัย ฤชุพันธุ์ อดีตประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่ให้ความเห็นต่อศาลรัฐธรรมนูญ เรื่องการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี 8 ปีของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ถูกเผยแพร่ในโลกออนไลน์ ว่า หากเอกสารดังกล่าวเป็นฉบับจริง หมายความว่าอาจมี มีชัยสองคนในเวลานี้ คนเก่าคือในฐานะประธานกรรมการร่างรัฐธรรมนูญที่มีความเห็นอีกอย่างหนึ่ง และอีกคนคือคนที่ให้ความเห็นตามที่มีเอกสารหลุด นอกจากนี้ยังมีเอกสารบันทึกเอกสารการประชุมของกรธ.ครั้งที่ 501 ซึ่งมีความชัดเจนว่ากรธ.รับรองการประชุมครั้งที่ 500 ดังนั้น หากเอกสารที่นายมีชัย ส่งไปยังศาลรัฐธรรมนูญที่ระบุการจดชวเลขมีความคาดเคลื่อน แสดงให้เห็นว่าเอกสารบันทึกการประชุมในครั้งนั้นมีน้ำหนักไม่มาก เพราะจะถูกหักล้างโดยเอกสารคำชี้แจงที่อ้างของนายมีชัย

“ถึงที่สุดความเห็นเจตนารมณ์ของกฎหมายมีความชัดเจน และคำพูดใด ๆ ในที่ประชุมกรธ.มันได้เป็นนายไปแล้ว และสะท้อนเจตนารมย์บทบัญญัติของรัฐธรรมนูญเรื่อง 8 ปี ว่าจะต้องตีความอย่างไร ซึ่งการตีความอื่น ๆ ของนายมีชัยไม่สามารถรับฟังได้โดยหลักการ” รังสิมันต์ กล่าว

รังสิมันต์ กล่าวว่า บทเฉพาะกาล ของรัฐธรรมนูญเขียนเอาไว้ชัดเจน เพื่อป้องกันการผูกขาดอำนาจในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี หากตีความให้พล.อ.ประยุทธ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี โดยเริ่มบังคับใช้รัฐธรรมนูญในวันที่ 6 เมษายน 2560 จะเป็นการตีความที่ขัดต่อเจตนารมย์ของรัฐธรรมนูญ ซึ่งวิกฤติการเมืองจะเกิดขึ้นจากตรงนี้

“เอกสารหลุดอาจจะเป็นการโยนหินถามทาง และอาจจะต้องมองในมิติทางการเมืองเรื่องความสัมพันธ์ภายในรัฐบาล ซึ่งเอกสารที่หลุดมานั้น อาจจะเป็นการให้กำลังใจองคาพยพของพล.อ.ประยุทธ์ ว่าอาจจะได้กลับมามีอำนาจเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ อย่างไรก็ตาม ยังไม่มั่นใจว่าเป็นเอกสารความเห็นของนายมีชัยจริงหรือไม่ ซึ่งอาจจะเป็นเอกสารที่ทำขึ้นมาเองก็ได้ แต่หากเป็นเอกสารจริง ก็ไม่สอดคล้องกับที่นายมีชัยเคยให้ความเห็นไว้ในที่ประชุม กรธ.” รังสิมันต์ กล่าว

รังสิมันต์ กล่าวว่า มีความกังวลต่อการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หลังมีเอกสารหลุดออกมา ยอมรับว่ามีโอกาสที่พล.อ.ประยุทธ์จะได้กลับมาทำหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อ แต่ก็มองว่าอาจจะเป็นการรีเช็คความคิดเห็นของสังคมก่อนที่จะมีคำวินิจฉัย และเอกสารดังกล่าวนี้ อาจจะเป็นการชี้นำการวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก็ได้  ดังนั้น หากศาลมีคำวินิจฉัยออกมาในทิศทางที่เอื้อต่อพล.อ.ประยุทธ์ต้องมีคำอธิบายต่อสังคมให้ชัดเจน

“วันนี้สิ่งที่สังคมอยากเห็นคือการกลับมาเริ่มต้นใหม่ด้วยกัน ที่พล.อ.ประยุทธ์ ลาออกเปิดทางให้เลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการเลือกตั้ง เนื่องจากอยู่ในช่วงสุดท้ายของอายุรัฐบาลแล้ว จึงอยากให้พล.อ.ประยุทธ์พิจารณาตัดสินใจลาออกด้วยตัวเอง เพราะ 8 ปีถือว่ามากพอแล้ว และหวังว่าวันนี้รัฐสภาจะความเห็นชอบร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ตัดอำนาจวุฒิสภาเลือกนายกรัฐมนตรี เพื่อเปิดทางให้การเลือกตั้งครั้งหน้า เป็นการเลือกตั้งที่เปี่ยมไปด้วยความหวังของประชาชน เพื่อให้นายกรัฐมนตรียึดโยงกับประชาชน  ประชาชนได้เลือกนายกฯ ผ่านสภาผู้แทนราษฎร” รังสิมันต์ กล่าว