เราเรียกการซื้อหวยว่า “การพนัน” เราเรียกการซื้อประกันชีวิตว่า “การทำประกัน” เราเรียกการซื้อหุ้นว่า “การลงทุน” แต่คำถามคือ จริงๆ แล้วกิจกรรมพวกนี้มันต่างกันจริงเหรอ เพราะทุกอย่างล้วนเกี่ยวข้องกับผลตอบแทนเป็นตัวเงินที่เราจะได้ ที่อิงอยู่กับ “ความไม่แน่นอน” ของสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตทั้งสิ้น
หรือพูดตรงๆ แบบดิบๆ คือ ทำไมการ “ซื้อหวย” จะนับเป็นการลงทุนไม่ได้? ทำไมการ “ทำประกันชีวิต” ถึงไม่ใช่การพนัน? และทำไม “การซื้อหุ้น” ถึงจะนับเป็นการทำประกันไม่ได้?
นิยาม 'การพนัน การทำประกัน และการลงทุน'
คำตอบแบบยุคปัจจุบันที่ทุกอย่างมีนิยามชัดแบบแยกจากกันไม่ยากนัก คือ เค้าจะเริ่มจากการแยกการทำประกันออกจากการพนัน ด้วย "นิยาม" ว่า การทำประกัน คือ การเสียเงินเพื่อ "จัดการความเสี่ยง" ที่ดำรงอยู่แล้วในชีวิต อย่างการตาย ความเจ็บป่วย แต่การพนัน คือ การ "สร้างความเสี่ยง" เพิ่มมาในชีวิตผ่านการเดิมพันว่าจะได้หรือเสียเงิน ถ้ามีเหตุการณ์บางอย่างเกิดในอนาคต (หรือไม่เกิด)
ในบรรดาการ "สร้างความเสี่ยง" เพิ่มในชีวิต สิ่งที่แยกการพนันออกจากการลงทุนก็คือ การพนันจะมีฝ่ายหนึ่งได้และอีกฝ่ายเสียเสมอ แต่การลงทุนโอกาสที่ทุกฝ่ายจะได้ประโยชน์มีอยู่เสมอ เช่น การเล่นทายเหรียญหัวก้อยกับใครสักคน จะมีฝ่ายหนึ่งเสียเงินเดิมพันเสมอ แต่การลงทุนในหุ้นของบริษัท ถ้าบริษัทโตแล้วมูลค่าหุ้นขึ้น ไม่มีใครเสียอะไร ซึ่งเราจะเปลี่ยนจากหุ้นเป็นทองคำ หรือกระทั่ง Bitcoin ก็ไม่ได้ต่างกัน การซื้อสินทรัพย์ที่มีโอกาสมูลค่ามากขึ้นโดยพื้นฐานเป็น "การลงทุน" เสมอ
แต่ทั้งหมด คือ นิยามที่เกิดจากสังคมและวัฒนธรรมปัจจุบัน ที่รัฐมีกฎระเบียบรวมถึงหน่วยงานกำกับดูแลชัดเจนว่าอะไรคือการพนัน อะไรคือการทำประกัน และอะไรคือการลงทุน คำถามคือ ก่อนจะมี "ระเบียบ" ของรัฐมาควบคุมสิ่งเหล่านี้ สิ่งเหล่านี้ต่างกันหรือไม่?
ในอดีต 'การพนัน การทำประกัน และการลงทุน' ต่างกันหรือไม่
คำตอบเร็วๆ คือ ไม่ต่างกัน และเราอยากจะพาย้อนประวัติศาสตร์ไปดู การทำประกัน/การพนัน/การลงทุน แบบเก่าแก่ที่สุดในประวัติศาสตร์ที่เรียกว่า Bottomry
ในอดีต การจะออกเรือเพื่อทำการค้าขายต้องใช้ทั้งเงินและมีความเสี่ยง ซึ่งหลายครั้งคนที่มีเรือไม่มีเงิน คนที่มีเรือก็จะไปหาคนที่มีเงิน แล้วขอยืมเงินไปออกเรือและสัญญาว่า จะให้คืนเงินต้นพร้อมดอกเบี้ยถ้าเรือกลับมาโดยสวัสดิภาพ แต่กลับกัน ถ้าเรือล่มเจ้าของเรือก็จะไม่ต้องใช้เงินต้นและดอกเบี้ยคืน สิ่งที่ว่านี้เรียกว่า Bottomry และมันถูกบันทึกว่า มีอยู่แล้วในกฎหมายฮัมมูราบีในยุคบาบิโลนเมื่อราว 3,800 ปีก่อน ดังนั้น มันเป็นสิ่งที่เก่ามากๆ
คำถามคือ Bottomry คือ การทำประกัน เป็นการลงทุน หรือเป็นการพนัน?
ในมุมของเจ้าของเรือจะมองว่า Bottomry เป็นการทำประกันก็ไม่ผิด ส่วนในมุมของผู้ให้ยืมเงิน จะบอกว่านี่เป็นการลงทุนเอาดอกเบี้ย (ซึ่งสมัยบาบิโลนอาจสูงถึง 33% ต่อปี) ก็ได้ หรือจะบอกว่านี่คือการเดิมพันว่า เรือจะไม่ล่มเพื่อเอาเงินเดิมพันคืนตอนเรือกลับขึ้นฝั่งก็ได้
ประเด็นคือ คนโบราณก็ไม่ได้สนใจจะแยก เพราะไม่ว่าจะเป็นการพนัน การลงทุน หรือการทำประกัน ก็ไม่ได้ผิดบาปอะไรทั้งนั้น ไม่มีความจำเป็นต้องแยกหรือตัดสินให้ละเอียดลงไป Bottomry ก็คือ Bottomry ก็แค่นั้น
'การพนัน การทำประกัน และการลงทุน' ถูกแยกออกจากกันอย่างไร?
ว่ากันตรงๆ ในหลายประเทศสิ่งเหล่านี้มีการพัฒนาที่ต่างกัน การพนันในรูปแบบดั้งเดิมกลายเป็นธุรกิจบ่อนการพนันที่ทำเงินมากมาย และเป็นแหล่งฟอกเงิน ดังนั้น รัฐที่เริ่มพยายามรวมศูนย์อำนาจมากขึ้นก็ย่อมต้องทำการกำกับดูแลและขายสัมปทานอะไรก็ว่าไป
ส่วนการทำประกันกับการลงทุนแบบสมัยใหม่ ค่อยๆ เกิดขึ้นและสิ่งเหล่านี้ไม่ได้ถูกกำกับดูแลในทันที แต่ค่อยๆ ถูกกำกับดูแลหลังมีเรื่องมีราวเช่น ในอเมริกา ธุรกิจการขายประกันก็อยู่ภายใต้ National Association of Insurance Commissioners (NAIC) มาตั้งแต่ปี 1871 การซื้อขายหลักทรัพย์ก็อยู่ภายใต้ U.S. Securities and Exchange Commission (SEC) ตั้งแต่ปี 1934 หลังจากเหตุการณ์ตลาดหุ้นอเมริกาล่มและส่งอเมริกาเข้าสู่ยุค The Great Depression
อธิบายง่ายๆ คือ สิ่งที่ลากเส้นแบ่งระหว่างการพนัน การทำประกัน และการลงทุน ก็คือรัฐน่ะแหละ สุดท้ายมันก็เลยต้องกลับไปที่นิยามของรัฐ
ถามว่าแนวทางแบบนี้ไม่มีปัญหาเหรอ? คำตอบคือมีแน่ๆ เพราะมันมีหลายสิ่งหลายอย่างที่สร้างความพร่าเลือนให้สิ่งเหล่านี้ เช่น อนุพันธ์ต่างๆ อย่างสัญญาซื้อขายล่วงหน้า ก็ถูกเอามาใช้แบบ "การพนัน" ได้จากคนที่แค่ต้องการจะเดิมพันว่า สินค้าราคาจะขึ้นหรือลงในอนาคต ทั้งที่จริงๆ สิ่งเหล่านี้ถูกสร้างมาเพื่อลดความเสี่ยงการลงทุน ไม่ใช่เพื่อให้คนมา "เล่นการพนัน"
ทำนองเดียวกัน สิ่งที่เรียกว่า พันธบัตรภัยพิบัติ (Catastrophe Bond) มันก็คือการที่บริษัทประกันโอนความเสี่ยงประกันภัยพิบัติมาให้ "นักลงทุน" หรือ "นักพนัน" มาซื้อพันธบัตรเพื่อจะเดิมพันว่า จะไม่เกิดภัยพิบัติในเวลาที่กำหนด ถ้าไม่เกิดก็เอา "ดอกเบี้ย" ไป (ซึ่งดอกเบี้ยนี้ก็เอามาจากเบี้ยประกัน) แต่ถ้าเกิดภัยพิบัติเมื่อไร เงินต้นก็จะสูญเลย และนี่ก็คือสิ่งที่เกิดขึ้นตอน COVID-19 ระบาด หรือกระทั่งตอนพายุเฮอริเคนหลายลูกพัดเข้าถล่มที่ฟลอริด้าในปี 2024
แล้ว Bitcoin เป็นหลักทรัพย์ หรือการพนัน?
แน่นอนว่า มันไม่ได้มีแค่นี้ คำถามที่ทุกวันนี้ยังไม่มีคำตอบ แต่เกี่ยวกับประเด็นเหล่านี้ ก็เช่น Bitcoin เป็น "หลักทรัพย์" หรือไม่? ซึ่งคำถามแบบนี้มันโยงกับสารพัดคำถาม เพราะถ้ามันไม่ใช่ "หลักทรัพย์" การซื้อขายพวกนี้จะเป็น "การลงทุน" ได้เหรอ? ซึ่งสิ่งที่ตามมาก็คือ คำถามด้านภาษี เพราะทั่วๆ ไปภาษีเกี่ยวกับรายได้จากการซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งจะต่างจากรายได้หมวดอื่นๆ แน่นอนฝ่ายสนับสนุน Bitcoin ก็จะบอกว่ามันคือหลักทรัพย์ และการซื้อมันคือ "การลงทุน" ส่วนฝ่ายต่อต้านก็จะบอกว่า มูลค่ามันไม่ได้อิงกับอะไรเลย ดังนั้น การซื้อมันก็ไม่ได้ต่างจาก "การพนัน" และนั่นส่งผลว่ามันไม่ควรจะถูกนับเป็นหลักทรัพย์ เป็นต้น
แต่ทั้งหมดก็นี่แหละครับ สุดท้ายมันขึ้นกับรัฐว่า จะบอกว่าสิ่งต่างๆ คืออะไร และรัฐที่มีลูกเล่นก็สามารถผสมสิ่งต่างๆ เข้าด้วยกันเพื่อผลลัพธ์ที่ต้องการได้
ตัวอย่างง่ายๆ นโยบาย "หวยเกษียณ" ของรัฐบาลไทยก็เป็นตัวอย่างที่ดี คือจะบอกว่า เป็น "การพนัน" ก็ได้ แต่อีกด้านคือ มันคือแนวทางของรัฐที่พยายามให้คน "ลงทุน" เพื่อเป็น "หลักประกัน" รายได้ยามแก่ชราด้วย ซึ่งในกรณีนี้ การจะพยายามลากเส้นแบ่งว่ามันคืออะไรดูจะไม่มีประโยชน์นัก เพราะสุดท้ายถ้ากิจกรรมบางอย่างของมนุษย์มันจะเป็นทุกอย่างไปพร้อมกัน ก็ไม่น่าจะผิดอะไรถ้ามันตอบสนองผู้คนในสังคมให้บรรลุเป้าหมายบางอย่าง ไม่ได้ต่างจากที่ Bottomry เป็นเมื่อหลายพันปีก่อนที่การพนัน การทำประกัน และการลงทุนยังไม่ถูกแยกออกจากกัน
อ้างอิง
What makes gambling wrong but insurance right?
Are You Investing or Gambling?
Insurance and Gambling Compared
Going All-in: Investing vs. Gambling
Insurance Is Gambling, Seriously
อ่านบทความอื่นๆ ของผู้เขียน
https://theopener.co.th/topic/libertus-machinus