Skip to main content

ปรากฏการณ์แสงเหนือ-แสงใต้ ที่เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ทั่วโลก สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้พบเห็น ด้วยลำแสงหลากสีแสนสวยงาม อย่างไรก็ตาม แสงเหล่านี้เป็นผลลัพธ์จากพายุสุริยะ ครั้งใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี

ปรากฏการณ์แสงเหนือ-แสงใต้ ที่ปรากฏออกมาให้คนจากหลายพื้นที่ทั่วโลกได้รับชมกัน ถือเป็นเรื่องที่สร้างความ 
“ว้าว” ให้กับคนทั่วโลกในช่วงระหว่างวันที่ 10 - 12 พ.ค. ที่ผ่านมา เนื่องจากลำแสงหลากสีสวยงามได้สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับผู้ที่พบเห็นเป็นอย่างมาก ซึ่งปรากฏการณ์แสงเหนือ-แสงใต้ หรือปรากฏการณ์ “ออโรรา” ที่เกิดขึ้นในครั้งนี้ เป็นผลลัพธ์จาก “พายุสุริยะ” (Solar Wind) ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในรอบ 20 ปี


'พายุสุริยะ' คืออะไร ?

 

พายุสุริยะ (Solar storm) คือ ปรากฏการณ์ที่เกิดจากการปลดปล่อยพลังงานอย่างรุนแรงของดวงอาทิตย์ พร้อมปล่อยอนุภาคพลังงานสูง ทั้งอิเล็กตรอนและโปรตรอน ออกจากดวงอาทิตย์ด้วยปริมาณและความเร็วสูงกว่าระดับปกติ โดยสาเหตุการเกิดพายุสุริยะสามารถจำแนกได้ 4 รูปแบบ ได้แก่ ลมสุริยะ (Solar wind), เปลวสุริยะ (Solar flare), การปลดปล่อยก้อนมวลสารจากโคโรนา (Coronal mass ejection หรือ CME) และอนุภาคพลังงานสูงจากดวงอาทิตย์

ทั้งนี้ ในช่วงวันที่ 10 - 12 พ.ค. ที่ผ่านมา ทั่วโลกได้ตื่นตะลึงกับปรากฏการณ์แสงเหนือ-แสงใต้ที่แสนงดงามในหลายพื้นที่ ซึ่งมีลำแสงหลากสี ปรากฏการณ์ดังกล่าว เป็นผลจากพายุสุริยะที่รุนแรงในรอบ 20 ปี มีความเร็วสูงสุดถึง 835 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และถูกจัดให้อยู่ในระดับความรุนแรง G5 หรือความรุนแรงระดับสูงสุด กล่าวคือ เมื่ออนุภาคจากดวงอาทิตย์ปะทะกับโมเลกุลก๊าซที่รุนแรงมากกว่าปกติ จะส่งผลให้ขอบเขตของแสงเหนือ-แสงใต้มีระยะการมองเห็นที่กว้างกว่าเดิม ทำให้บางพื้นที่ที่ปกติมองไม่เห็นลำแสงเหล่านี้ ก็จะสามารถมองเห็นได้ชัดเจนนั่นเอง


พายุสุริยะกระทบโลกอย่างไร?

 

แสงเหนือ-แสงใต้ที่ปรากฏให้เห็นในพื้นที่ต่างๆ ทำให้หลายคนรู้สึกกังวลว่า จะเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงสภาวะอากาศที่แปรปรวน และจะส่งผลกระทบกับสิ่งมีชีวิตหรือไม่

องค์การบริหารมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติ (NOAA) ของสหรัฐ ได้ออกแถลงเตือนว่า พายุสุริยะระดับรุนแรง ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง แต่อาจจะส่งผลกระทบกับสายไฟฟ้าแรงสูง รวมถึงดาวเทียมในวงโคจรโลก และอาจมีผลต่อการใช้งานระบบนำทางและระบบสื่อสารบนพื้นโลก

วิมุติ วสะหลาย กรรมการวิชาการของสมาคมดาราศาสตร์ไทย ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวมติชน ระบุว่า พายุสุริยะไม่เป็นอันตรายโดยตรงต่อโลก เนื่องจากแม้อนุภาคพลังงานจากดวงอาทิตย์จะมีความอันตราย แต่ก็ถูกบรรยากาศโลกสกัดเอาไว้ ดังนั้น จึงไม่ส่งผลกระทบต่อมนุษย์ที่อยู่บนพื้นโลก ขณะที่สัตว์บางชนิดที่ใช้สนามแม่เหล็กโลกในการบอกทิศทางเพื่ออพยพย้ายถิ่น อาจจะได้รับผลกระทบในช่วงที่สนามแม่เหล็กโลกแปรปรวน ซึ่งหากเกิดขึ้นในช่วงที่สัตว์กำลังอพยพย้ายถิ่น ก็อาจทำให้สัตว์หลงทาง

ทั้งนี้ พายุสุริยะไม่ได้ส่งผลกระทบให้อุณหภูมิของโลกร้อนขึ้น หรือเกิดอันตรายต่อโลก แต่อาจจะมีผลกระทบต่อระบบการสื่อสารผ่านดาวเทียม อย่างไรก็ตาม แม้พายุสุริยะจะไม่ส่งผลกระทบกับโลกโดยตรง แต่ทุกคนต่างรู้ดีว่าเรากำลังเผชิญหน้ากับปัญหาภาวะโลกเดือด ซึ่งเป็นผลจากพฤติกรรมและการกระทำของมนุษย์ทั้งสิ้น ดังนั้น หากต้องการรักษาโลกให้อยู่ไปนานๆ ทุกคนจำเป็นต้องร่วมด้วยช่วยกันรักษาและดูแลโลกใบนี้อย่างเต็มที่ที่สุด


อ้างอิง
พายุสุริยะ รุนแรงจนสามารถทำลายโลกได้ จริงหรือ
ไขข้อข้องใจแสงเหนือ เห็นกันเกือบทั้งโลกทำไมไทยไม่เห็น
ระดับความรุนแรงของพายุแม่เหล็กโลก
ประมวลภาพแสงเหนือ-แสงใต้จากทั่วทุกมุมโลก หลังเจอพายุสุริยะครั้งใหญ่
สดร. เผย “พายุสุริยะ” ไม่ใช่สาเหตุโลกร้อนวอนคนไทยอย่าตระหนก