กระแสความนิยม “มัทฉะ” เครื่องดื่มชาเขียวเพื่อสุขภาพในปีนี้พุ่งสูงขึ้นกว่าปีก่อนๆ จากความต้องการบริโภคที่เพิ่มขึ้นพร้อมกันทั่วโลก สวนทางกับปริมาณผลผลิตใบชาที่นำมาผลิตเป็นมัทฉะที่เกษตรกรญี่ปุ่นเก็บเกี่ยวได้ ทำให้ราคาของชาเขียวยอดนิยมจากญี่ปุ่นราคาดีดสูงขึ้นกว่าปีผ่านๆ มา
กระแสนิยมบริโภคชาเขียว “มัทฉะ” ที่ผลิตจากญี่ปุ่นเพิ่มสูงขึ้นทั่วโลก บวกกับอุณหภูมิความร้อนในญี่ปุ่นที่สูงทำลายสถิติ ส่งผลให้ผลผลิตชาเขียวมัทฉะของญี่ปุ่นออกมาน้อยไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด และกลายเป็นของหายาก ที่ราคาแพงขึ้นจากเดิม
เกษตรกรและคนที่ทำงานในอุตสาหกรรมผลิตชาในญี่ปุ่น บอกว่า ในปีนี้พวกเขาพบความยากลำบากที่จะตอบสนองกับความต้องการบริโภคชามัทฉะที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ
ความนิยมในชาเขียวมัทฉะเติบโตอย่างต่อเนื่องตลอดช่วงหลายปีมานี้ โดยในปี 2023 ยอดขายในสหราชอาณาจักรเพิ่มขึ้นถึง 202 เปอร์เซ็นต์ และเมื่อการดื่มชามัทฉะกลายมาเป็นกระแสบนโซเชียลมีเดีย ผสมกับการท่องเที่ยวญี่ปุ่นที่ขยายตัวอย่างรวดเร็วนับจากหลังโควิดเป็นต้นมา ทำให้ความนิยมในเครื่องดื่มที่อุดมไปด้วยสารแอนติอ็อกซแดนท์พุ่งถึงจุดสูงสุดในปีนี้
ภูมิภาคเกียวโต ซึ่งเป็นแหล่งผลิตขนาดใหญ่ถึงปริมาณ 1 ใน 4 ของ “เทนฉะ” หรือใบชาเขียวแห้งที่นำไปทำเป็น “มัทฉะ” เผชิญกับคลื่นความร้อนในช่วงฤดูร้อนที่แล้วซึ่งเป็นปีที่อากาศร้อนทำลายสถิติ ทำให้ผลผลิตใบชาที่เก็บเกี่ยวในช่วงเดือนเมษายนและพฤษภาคมของปีนี้ลดน้อยลงกว่าปรกติ
มาซาฮิโระ โยชิดะ เกษตรกรในเกียวโตที่สืบทอดการปลูกชามาเป็นรุ่นที่ 6 ของตระกูล บอกว่า ในปีนี้เขาสามารถเก็บเกี่ยวใบชาเทนฉะได้เพียง 1.5 ตัน ซึ่งน้อยกว่าปีก่อนๆ ที่เคยเก็บได้ถึง 2 ตัน
“หน้าร้อนปีที่แล้ว อากาศร้อนจัดมาก ซึ่งมันไปทำลายพุ่มของต้นชา เลยทำให้ในปีนี้เราไม่สามารถจะเก็บใบชาได้มากเท่าปีก่อนๆ” มาซาฮิโระกล่าว
ในการปลูกชาแบบดั้งเดิม ใบชาเทนฉะจะถูกเก็บไว้ใต้ร่มเงาเป็นเวลานับสัปดาห์ขณะที่กำลังโตและพัฒนากลิ่นกับรสชาติที่กลมกล่อม จากนั้นใบชาจะถูกเด็ดและนำไปทำให้แห้ง แล้วจึงนำไปบดด้วยโม่หิน และกรองจนได้ผงชาเขียวที่เรียกว่า “มัทฉะ”
ยูกิ อิชิอิ ผู้ก่อตั้ง ทีไลฟ์ บอกว่า มีความต้องการบริโภคชาเขียวมัทฉะจากลูกค้าเพิ่มขึ้นถึง 10 เท่า ในขณะที่ปริมาณที่ผลิตได้ในญี่ปุ่นกำลังลดลง เขาบอกว่า มัทฉะนั้นขายหมดเกลี้ยงสต็อกตลอด
ในปี 2024 ญี่ปุ่นสามารถผลิตมัทฉะได้ในปริมาณ 5,336 ตัน ซึ่งมากกว่าปริมาณที่ผลิตได้ในช่วงทศวรรษที่แล้วถึง 3 เท่า จากการที่เกษตรญี่ปุ่นเปลี่ยนมาปลูกชากันมากขึ้น ขณะที่ในปีนี้ ผลผลิตมัทฉะกลับลดต่ำกว่าปีที่ผ่านมาจากสภาพอากาศที่ร้อนจัด
ราคาของ “มัทฉะ” ที่ขายในสหรัฐอเมริกาอาจจะแพงขึ้นกว่านี้อีก หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าสินค้าจากญี่ปุ่นที่อัตราร้อยละ 15
ลอเรน เพอร์วิส ผู้นำเข้าชาเขียวในสหรัฐบอกว่า มีคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นมากกว่าร้อยละ 70 เมื่อเทียบกับเดือนกรกฎาคมปีที่แล้ว และกำแพงภาษีของสหรัฐจะส่งผลกระทบต่อราคาชาเขียวมัทฉะที่นำเข้าจากญี่ปุ่น
“ในเมื่อชาญี่ปุ่นไม่ได้ปลูกอยู่ในสหรัฐ ก็ไม่มีอุตสาหกรรมไหนของชาวอเมริกันที่ถูกคุกคามและจำเป็นต้องปกป้อง เราหวังว่าจะมีความตระหนักรู้ว่า ชาชนิดพิเศษนี้ควรเป็นข้อยกเว้น” ลอเรนกล่าว
ที่มา
Matcha craze sparks global supply chain issues amid huge demand and record-breaking heatwave