งานวิจัยล่าสุดจากออสเตรเลีย พบว่า คนส่วนใหญ่ราวร้อยละ 87 มีเวลานอนหลับได้ไม่ถึง 8 ชั่วโมงต่อคืน และไม่ได้เคลื่อนไหวร่างกายได้เท่ากับระดับที่มีการแนะนำ จึงเสนอว่า ควรให้ความสำคัญกับการนอนหลับมากกว่า เพราะโดยรวมแล้วก่อให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพมากกว่า
งานวิจัยชิ้นใหม่ตีพิมพ์ในวารสาร Communications Medicine เผยว่า มีคนทั่วโลกราวร้อยละ 13 เท่านั้น หรือคิดเป็น 1 ใน 8 ที่สามารถนอนหลับได้ถึง 7-9 ชั่วโมงต่อคืน และเดินได้ถึงวันละ 8,000 ก้าว โดยสามารถทำทั้งสองสิ่งนี้ได้ครบถ้วนสม่ำเสมอทุกวัน
จอช ฟิตตัน นักวิจัยด้านสุขภาพการนอนจากมหาวิทยาลัยฟลินเดอร์ส ประเทศออสเตรเลีย และหัวหน้าทีมวิจัยบอกว่า มีเพียงคนส่วนน้อยมากที่สามารถทำทั้งสองอย่างได้ครบถ้วนทุกวัน จึงจำเป็นต้องคิดว่าทั้งสองอย่างนี้ควรทำงานร่วมกันอย่างไร และจะช่วยให้คนจำนวนมากสามารถทำตามได้อย่างเหมาะสมในชีวิตจริงได้อย่างไร
การวิจัยนี้ตั้งคำถามกับคำแนะนำด้านสุขภาพที่เรามักได้ยินกันบ่อยๆ คือ การนอนให้ได้คืนละ 8 ชั่วโมง และการเดินให้ได้วันละ 7,000-10,000 ก้าว แต่ในความเป็นจริง คนจำนวนมากมีความยากลำบากที่จะรักษาวิถีชีวิตที่กระฉับกระเฉง และรูปแบบการนอนที่ดีให้ได้สม่ำสเมอทุกวัน
ในการการศึกษา ทีมวิจัยทำการวิเคราะห์ข้อมูลจากผู้เข้าร่วมมากกว่า 70,000 คนจากทั่วโลก โดยใช้อุปกรณ์ติดตามการนอนหลับ ร่วมกับกิจกรรมการเคลื่อนไหวร่างกายต่อเนื่องเป็นเวลา 3ปีครึ่ง และพบว่า แม้หลายคนจะนอนหลับอย่างเพียงพอ หรือมีกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกายที่มากพอ แต่มีเพียงน้อยคนที่สามารถทำทั้งสองอย่างได้ครบถ้วนในหนึ่งวัน
ทีมวิจัยพบว่า เกือบร้อยละ 17 ของผู้เข้าร่วมการทดลอง มีเวลานอนเฉลี่ยน้อยกว่า 7 ชั่วโมงต่อคืน และเดินน้อยกว่า 5,000 ก้าวต่อวัน ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่ม “พฤติกรรมเนือยนิ่ง” มีการเคลื่อนไหวร่างกายน้อย และมีความเสี่ยงสูงต่อการเจ็บป่วยเรื้อรัง น้ำหนักตัวเพิ่ม และการเกิดปัญหาสุขภาพจิต
ทีมนักวิจัยพบด้วยว่า การนอนหลับเพียงพอสัมพันธ์กับจำนวนการเดินที่มากขึ้น โดยพบว่า ผู้เข้าร่วมการทดลองที่นอนหลับได้ถึงราว 6–7 ชั่วโมงต่อคืน จะมีจำนวนก้าวของการเดินที่มากขึ้นในวันถัดไป และเสนอว่า หากมีเวลาจำกัดในแต่ละวัน อาจต้องพิจารณาให้ความสำคัญกับการนอนมาเป็นอันดับแรก ก่อนการออกกำลังกาย
“การให้ความสำคัญกับการนอนอาจเป็นวิธีที่มีประสิทธิภาพที่สุดในการเพิ่มพลังงาน เพิ่มแรงจูงใจ รวมถึงความสามารถในการเคลื่อนไหวของคุณ” แดนนี เอ็กเคิร์ต ศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยฟลินเดอร์ส กล่าว
ศาสตราจารย์แดนนี บอกว่า การปรับเปลี่ยนง่ายๆ เช่น ลดเวลาใช้หน้าจอก่อนนอน การรักษาเวลานอนให้คงที่ และการสร้างสภาพแวดล้อมที่สงบสำหรับการนอน สามารถช่วยเรื่องการนอนหลับที่มีคุณภาพได้มาก
อย่างไรก็ตาม การศึกษานี้มีข้อจำกัดบางประการ เช่น การพึ่งพาข้อมูลจากอุปกรณ์ติดตามสุขภาพส่วนบุคคล ซึ่งมักเป็นอุปกรณ์ที่พบมากเฉพาะในประเทศที่มีรายได้สูงเท่านั้น
ที่มา
Getting enough sleep may be the key to staying healthy, new research finds